img


บ้านทรุดเกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไรไม่ให้เกิดอันตราย

ปัญหาบ้านทรุดเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นในทุกๆ ปี โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอัตราการทรุดตัวของดินเฉลี่ยปีละ 1 เซนติเมตร แต่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมีการทรุดตัวของดินมากกว่าบริเวณอื่น โดยอัตราการทรุดตัวของดินอยู่ที่ 2-5 เซนติเมตร แตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ ปัญหาการทรุดตัวของดินนั้นส่งผลทำให้บ้านทรุดตัวได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ปัญหาบ้านทรุดตัวยังเกิดขึ้นจากปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงของโครงสร้าง การต่อเติมบ้านที่ไม่ได้มาตรฐาน น้ำหนักของบ้านหนักมากจนฐานรับไม่ไหว รวมถึงแรงสั่นสะเทือนก็ทำให้บ้านทรุดได้เช่นกัน 

บทความนี้ Global House จะชวนทุกคนไปดูว่า อะไรคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าบ้านกำลังจะทรุด พร้อมแนะนำเคล็ดลับเมื่อเกิดปัญหาบ้านทรุด ว่าควรแก้ไขอย่างไร เพราะหากปล่อยไว้อาจเกิดความเสียหายต่อโครงสร้าง จนทำให้ผู้อยู่อาศัยเป็นอันตรายได้

บ้านทรุดคืออะไร

บ้านทรุด คือการที่โครงสร้างของบ้าน หรือฐานของบ้านทรุดตัวต่ำลงไป ซึ่งเกิดได้จาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1. ปัญหาการทรุดตัวของพื้นดินบริเวณรอบๆ ตัวบ้าน เมื่อดินบริเวณบ้านเกิดการทรุดเป็นระยะเวลานานหลายปีติดต่อกัน จนเกิดเป็นโพรงใต้คานคอดิน ทำให้บ้านทรุดได้ และ2.ปัญหาที่เกิดจากโครงสร้างของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการแตกร้าวของเสาเข็ม โครงสร้างเดิมที่ทำไว้ไม่แข็งแรง การต่อเติมบ้านที่มีน้ำหนักเกินจนฐานเดิมไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ก็สามารถทำให้เกิดปัญหาบ้านทรุดได้เช่นกัน ซึ่งก่อนที่บ้านจะทรุดและพังนั้น มักจะมีสัญญาณเตือนให้ได้รู้ก่อน

บ้านทรุดเกิดจากอะไรบ้านทรุด


ปัญหาบ้านทรุดเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับหลายบ้าน ซึ่งเกิดได้จากหลายๆ ปัจจัย มีทั้งจากการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน และสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งแต่ละบ้านอาจจะเกิดปัญหาการทรุดที่ต่างกันออกไป สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาบ้านทรุดที่พบได้บ่อยมี ดังนี้

 1. น้ำหนักบ้าน

น้ำหนักของบ้านเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลทำให้บ้านทรุดตัวได้ โดยเฉพาะบ้านที่เป็นตึกแถว ทาวน์โฮม หรือบ้านแฝดที่มีโครงสร้างของบ้านติดกับหลังอื่น เมื่อเพื่อนบ้านทำการต่อเติมบ้านจนเกินน้ำหนักที่กำหนดไว้ หรือน้ำหนักมากเกินไปจนโครงสร้างเดิมรับไม่ไหว ก็ทำให้เกิดปัญหาบ้านทรุดได้ หรือในกรณีบ้านเดี่ยวที่ทำการต่อเติมบ้าน โดยต่อเติมเพิ่มจากโครงสร้างเดิม แต่ไม่ได้คำนวณน้ำหนัก จนทำให้น้ำหนักของตัวบ้านเพิ่มมากขึ้น จนฐานบ้านเดิมรับไม่ไหวก็สามารถทำให้บ้านร้าว และทรุดได้ในที่สุด

2. สภาพพื้นดิน

สภาพพื้นดินบริเวณที่ก่อสร้างบ้านเป็นอีกเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านใหม่ หรือซื้อบ้านจากโครงการ ควรศึกษาให้ดีว่าก่อนหน้านี้พื้นที่บริเวณดังกล่าวเคยเป็นพื้นที่ทำอะไรมาก่อน โดยการสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆ หากเคยเป็นพื้นที่ทำนา เป็นหนองน้ำ ดินบริเวณนั้นก็จะมีความอ่อนตัวมากกว่าปกติ หากสร้างบ้านก็จะมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาบ้านทรุดได้ง่าย ต้องทำการถมดินทิ้งไว้ก่อนอย่างน้อย 6-12 เดือน เพื่อให้ดินมีความหนาแน่นมากพอที่จะทำการก่อสร้างได้

 3. เสาเข็ม

การสร้างบ้านหรืออาคารควรใส่ใจกับการเลือกเสาเข็มเป็นอย่างมาก เพราะเสาเข็มเป็นเหมือนตัวช่วยที่ทำให้รากฐานของบ้านนั้นมีความแข็งแรง คงทน สำหรับการเลือกความยาวของเสาเข็มต้องพิจารณาจากดินบริเวณที่สร้างอาคาร รวมถึงขนาดของอาคาร โดยการเลือกเสาเข็มจะต้องเลือกที่มีความยาวพอที่สามารถตอกลงไปจนถึงชั้นดินแข็งได้โดยตรง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นดินอ่อน หากเลือกเสาเข็มที่สั้นเกินไป จะทำให้บ้านทรุดง่าย แม้บ้านอาจจะไม่ทรุดในช่วงปีแรกๆ แต่เมื่อผ่านไป 5-10 ปีบ้านก็จะทรุดตัวลงเช่นเดิม แต่อย่างไรก็ตามก่อนสร้างบ้านควรสำรวจพื้นดินให้ทั่วบริเวณที่สร้าง เนื่องจากดินในแต่ละจุดอาจมีความอ่อน แข็งที่แตกต่างกัน จะได้เลือกความยาวของเสาเข็มให้เหมาะในแต่ละพื้นที่

 4. น้ำท่วมขัง

ในพื้นที่ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังบ่อยๆ หรือน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน หลังจากที่น้ำลดลงแล้วหนึ่งในปัญหาที่ตามมาคือเกิดการชะล้างหน้าดิน ทำให้ชั้นดินบริเวณนั้นๆ ต่ำลง และส่งผลทำให้เกิดหลุมโพรงใต้คานคอดิน นอกจากนี้การที่น้ำท่วมบ่อยๆ ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแรงดันน้ำใต้ดิน จนเกิดการเคลื่อนตัวของชั้นดินได้ ปัญหานี้สามารถทำให้บ้านทรุดได้เช่นกัน นอกจากนี้ในกรณีที่บริเวณรอบๆบ้านเกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ เช่น มีการขุดดินบริเวณบ้านออกเป็นจำนวนมาก ขุดบ่อ ขุดคลอง หรือมีการสูบน้ำออกจากบ่อขนาดใหญ่ จะทำให้พื้นดินเกิดการทรุดตัว และส่งผลต่อโครงสร้างของบ้านได้เช่นกัน 

สัญญาณเตือนที่บอกว่าบ้านกำลังจะทรุด


ปัญหาบ้านทรุดนั้นหลายๆ คนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะสังเกตเห็นได้ แต่จริงๆ แล้วมีสัญญาณเตือนหลายอย่าง ที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบ้านกำลังทรุดตัว ดังนี้

ประตูหน้าต่างตกร่อง


เมื่อบ้านทรุดจะทำให้บ้านมีพื้นที่ไม่สมดุล เอียง ทำให้ประตูหน้าต่างมีปัญหาได้ หนึ่งในปัญหาที่พบได้ง่ายคือ ประตู หน้าต่างตกร่อง ทำให้ปิดประตูลำบาก บางครั้งอาจปิดไม่สนิท เวลาเปิดประตูก็จะครูดไปกับพื้นบ้าน ส่วนหน้าต่างก็ปิดไม่ลงล็อก เพราะบ้านเอียง

เกิดรอยร้าวตามจุดต่างๆ ของบ้าน


ปัญหารอยร้าวตามอาคารถือเป็นเรื่องที่สามารถพบได้บ่อย ซึ่งรอยร้าวนั้นมีด้วยกันหลากหลายประเภท รอยร้าวแต่ละประเภทก็เกิดจากปัจจัยที่ต่างกัน เช่น ความชื้น การฉาบปูนที่ไม่ได้มาตรฐาน ไปจนถึงการทรุดตัวของดิน ซึ่งส่งผลต่อโครงสร้างของอาคาร ทำให้เกิดการขยับจนเกิดรอยร้าวได้ ซึ่งรอยร้าวนั้นถือเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาบ้านทรุด สำหรับรอยร้าวที่ควรสังเกตมีดังนี้

  • รอยร้าวที่มุมเฉียง 45 องศา
  • รอยร้าวที่มีขนาดความกว้างตั้งแต่ 0.5 มิลลิเมตรขึ้นไป
  • รอยร้าวที่มีขนาดขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ 
  • เกิดเสียงเวลาเดิน หรือบ้านเกิดเสียงลั่นแบบไม่มีสาเหตุ

พื้นดินรอบบ้านยุบเป็นโพรง


อีกหนึ่งสัญญาณเตือนที่เข้าขั้นฉุกเฉินคือ พื้นดินรอบบ้านยุบเป็นโพรง โดยพื้นดินรอบๆบ้านจะยุบตัวต่ำลงจนสามารถมองเห็นโครงสร้างของบ้าน ถือเป็นสัญญาณเตือนบ้านทรุดที่เข้าขั้นวิกฤต เพราะบ้านสามารถถล่มลงมาได้ นอกจากนี้การมีโพรงใต้บ้านยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหนู หรืองู เป็นต้น

วิธีแก้ปัญหาบ้านทรุด

บ้านทรุดเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เพราะยิ่งปล่อยไว้ก็จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา และส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยได้ ซึ่งการแก้ไขปัญหาบ้านทรุดสามารถทำได้หลายอย่าง ตั้งแต่การแก้ไขเบื้องต้น ไปจนถึงการลงเสาเข็มใหม่ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้าง

1. ปรึกษาวิศวกรก่อสร้าง


เมื่อเกิดปัญหาบ้านทรุด อันดับแรกให้ซ่อมแซมปัญหาที่มองเห็นด้วยสายตาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการปิดรอยร้าว ถมโพรงดินรอบบ้าน หลังจากนั้นให้รีบปรึกษาวิศวกรก่อสร้าง เพราะวิศวกรนั้นมีความเชี่ยวชาญ สามารถแนะนำได้ว่าปัญหาบ้านทรุดที่เกิดขึ้นนั้นต้องแก้ไขในส่วนใด เพื่อให้ตรงจุด และถูกต้อง ช่วยทำให้บ้านมีความมั่งคง และมีรากฐานที่แข็งแรง

 2. ดีดบ้าน


การดีดบ้าน หรือการปรับระดับบ้านให้สูงสูงขึ้น เป็นการแก้ไขปัญหาบ้านทรุดที่มีสาเหตุมาจากปัญหาโครงสร้างฐานราก โดยบ้านจะถูกดีดตัวยกขึ้นจากฐานรากเดิม เพื่อปรับแก้โครงสร้างเดิมให้มีความมั่นคง แข็งแรงมากขึ้น เหมาะกับน้ำหนักของตัวบ้าน หลังจากนั้นก็จะประกบตัวบ้านเข้ากับฐานใหม่ สำหรับการดีดบ้านนั้นควรเลือกบริษัทรับก่อสร้างที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย 

 3. ถมดิน เทคอนกรีต เพื่อปิดโพรง

หากเกิดปัญหาดินรอบๆ บ้านทรุดตัว จนเกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่ บริเวณรอยต่อระหว่างคานคอดิน ซึ่งมีชื่อเรียกอื่นว่าคานพื้นชั้นหนึ่ง หรือคานพื้นชั้นล่าง ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนว่าอาจเกิดปัญหาบ้านทรุดได้ในอนาคต นอกจากนี้โพรงขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษ หนู และงูได้อีกด้วย สำหรับวิธีแก้ปัญหาโพรงดินสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการปิดโพรงด้วยการถมดิน หรือเทคอนกรีตปิดรอยต่อ แต่ในกรณีที่โพรงดินมีขนาดใหญ่มากๆ อาจจะต้องใช้อิฐมอญก่อต่อจากคานคอดินขึ้นมาเพื่อปิดช่องโหว่

 4. ลงเสาเข็มใหม่


หากปัญหาบ้านทรุดเกิดจาก เสาเข็ม ไม่ว่าว่าจะเป็นการใช้เสาเข็มที่สั้นเกินไป เสาเข็มแตกร้าว หรือไม่ได้ลงเสาเข็มก่อนสร้างบ้าน ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะทำให้บ้านรับน้ำหนักไม่ไหว จนเกิดความเสียหายต่อโครงสร้างของบ้าน จนทำให้บ้านทรุดได้ ดังนั้นจะต้องแก้ไขปัญหาจากต้นต่อ ด้วยการลงเสาเข็มใหม่ เพื่อแก้ไขไม่ให้บ้านทรุดหนักกว่าเดิม 

 5. ฉีดวัสดุอุดรอยร้าว


อีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยเมื่อบ้านทรุดคือรอยร้าวที่เกิดตามจุดต่างๆ ของบ้าน ซึ่งรอยร้าวต่างๆ เหล่านั้นทำให้มด แมลง และสัตว์ตัวเล็กๆ สามารถเข้าไปทำรังได้ นอกจากนี้รอยร้าวเหล่านั้นยังอาจทำให้เกิดปัญหาน้ำฝนรั่วซึมเข้าบ้านได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งการแก้ไขปัญหารอยร้าวเหล่านี้สามารถทำได้ด้วยการฉีดวัสดุอุดรอยร้าว วัสดุกันรั่วซึม เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างชั่วคราว ซึ่งวัสดุที่ใช้อุดมีด้วยกันหลายประเภท

  • ซิลิโคน นั้นมีคุณสมบัติในการอุดรอยร้าวต่างๆ ซึ่งมีด้วยกันหลายประเภททั้งแบบที่ใช้กับคอนกรีต เหล็ก กระจก และแบบที่ใช้ได้ทุกพื้นผิว ดังนั้นก่อนเลือกซื้อต้องดูให้ดีว่าต้องการปิดรอยร้าวบริเวณใด เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งาน 
  • กาวโพลียูรีเทน เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการอุดรอยร้าว รอยรั่วต่างๆ ได้ดี อีกทั้งยังสามารถเชื่อมรอยร้าวบริเวณรอยต่อต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
  • อะคริลิค เป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้งานได้กับพื้นผิวที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ปูน ไม้ หรือกระเบื้อง สำหรับบ้านใดที่เกิดปัญหารอยร้าวสามารถใช้อะคริลิกในการอุดโป๊วรอยร้าวต่างๆ ได้ 

ปัญหาบ้านทรุด ปล่อยไว้ไม่แก้ไข ส่งผลเสียอย่างไร

ปัญหาบ้านทรุดเป็นปัญหาที่เกิดได้จากหลายๆ ปัจจัยประกอบเข้าด้วยกัน ซึ่งปัญหาที่ตามมานั้นมีด้วยกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเกิดรอยร้าวตามจุดต่างๆ ของบ้าน บ้านเอียง หรือเกิดโพรงใต้คานคอดิน แต่บ้านบางหลังอาจจะเกิดจากปัญหาใหญ่อย่างเสาเข็มแตกร้าว เสาเข็มสั้นเกินไป ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถทำให้บ้านทรุดได้ หากปล่อยทิ้งไว้ ไม่แก้ไข อาจทำให้โครงสร้างของบ้านนั้นพัง และถล่มลงมาจนเป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยได้ 

สรุปบทความ

บ้านทรุดเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากการทรุดตัวของดินในทุกๆ ปี การสั่นสะเทือนจากบริเวณโดยรอบ หรือเกิดจากปัญหาโครงสร้างของบ้าน เช่น การใช้เสาเข็มที่ไม่เหมาะสมกับขนาดของบ้าน การตอกเสาเข็มที่ตื้นเกินไป รวมถึงการต่อเติมบ้านที่ไม่ได้มาตรฐาน จนทำให้เกิดปัญหาบ้านทรุดตามมา ซึ่งสัญญาณเตือนที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าบ้านเริ่มทรุดมีตั้งแต่การเกิดรอยร้าวตามบริเวณต่างๆ ของบ้าน เกิดโพรงดินรอบๆ บ้าน หรือบ้านเอียง เป็นต้น สำหรับการแก้ไขปัญหาบ้านทรุดนั้นมีตั้งแต่การแก้ไขเบื้องต้น โดยการใช้วัสดุอุดรอยร้าวที่เกิดขึ้น หรือถมปิดช่องโพรงดิน หลังจากนั้นควรปรึกษาวิศวกรเพื่อทำการแก้ไขปัญหาในระยะยาว อย่างการดีดบ้าน เพื่อเปลี่ยนเสาเข็ม หรือวิธีอื่นๆ ที่วิศวกรเห็นว่าเหมาะสมกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดปัญหาบ้านทรุดไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะบ้านอาจทรุดจนพังลงมาและอาจเป็นอันตรายกับผู้อยู่อาศัยได้ 

คุ้มค่าไปอีกขั้นแค่ สมัครสมาชิกโกลบอลคลับ ฟรี พร้อมรับสิทธิพิเศษ สำหรับ สมาชิกโกลบอลคลับ เพียงช้อปครบ 50 บาท รับ 1 คะแนน สะสมโกลบอลคลับสะสมคะแนน เพื่อแลกเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า ที่โกลบอลเฮ้าส์ทุกสาขา ทั่วประเทศ

  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม 1,000 คะแนน แลกรับคูปองแทนเงินสด 100 บาท
  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม 9,000 คะแนน แลกรับคูปองแทนเงินสด 1,000 บาท
  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม แลกซื้อเครื่องดื่ม ที่ลามายอนคอฟฟี่ทุกสาขา


Global House จัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และของตกแต่งบ้าน ให้คุณครบจบในที่เดียว

เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่

บริการช่างดี




เนื้อหาที่คล้ายกัน