จริงอยู่ที่การทาสีอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็อย่าลืมว่ายังมีรายละเอียดบางอย่างที่หลายคนมักหลงลืม จนทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง ที่นอกจากจะต้องเสียเงิน เสียเวลาแล้ว ยังได้สีไม่ตรงกับความต้องการอีกด้วย มาดูกันดีกว่าว่า มีเรื่องไหนบ้างที่ไม่ว่ามือสมัครเล่นหรือมือโปรก็อาจพลาดได้ไม่ต่างกัน
1. ไม่สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี
ถึงแม้ว่าจะเลือกสีเป็นอย่างดีมาจากที่ร้านแล้ว แต่ก็ไม่ควรรีบตัดสินใจ ควรนำสีที่เลือกนั้นมาทดลองทาดูก่อน เพราะแสงในแต่ละช่วงของวัน ทั้งตอนเช้า ตอนกลางวัน และตอนกลางคืน ทำให้สีเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
2. ทดลองทาสีในพื้นที่เล็กๆ
ก่อนจะลงมือทาสี จำเป็นต้องมีการทดลองทาสีเสียก่อน เพื่อให้ได้สีตามต้องการ แต่หลายคนมักจะลองสีในพื้นที่ที่มีขนาดเล็ก ทำให้ไม่สามารถเห็นรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ ดังนั้นควรลองทาสีในบริเวณที่มีพื้นที่กว้างขวาง และยังทำให้เห็นแสงเงาที่สะท้อนเข้ามาในห้องได้อย่างชัดเจนด้วย
3. มองข้ามการเตรียมพื้นผิวก่อนทาสี
เมื่อซื้อสีมาใหม่ หลายคนอาจเข้าใจผิด คิดว่าทาสีทับลงไปบนพื้นผิวได้เลย แต่ในความเป็นจริงแล้วผนังบ้านเก่าที่ทาสีแล้วจะมีสีเดิมที่เคยทาอยู่ เราต้องเตรียมพื้นผิวโดยลอกสีเดิมที่ติดอยู่ออกให้หมดก่อน อาจใช้กระดาษทรายขัด หรือหาซื้อน้ำยาที่ใช้สำหรับลอกสีเคลือบผนังโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้สีใหม่ติดทนทานขึ้น ไม่เช่นนั้นเมื่อเวลาผ่านไปสีจะหลุดลอกออกมาเป็นแผ่นๆ จนต้องเสียเงินและเสียเวลาหาซื้อสีมาทาใหม่ซ้ำอีกรอบ
4. ทาสีซ้ำหลายรอบ
ความจริงแล้วเวลาทาสีนั้นควรทาสีทับหน้า (Topcoat) ไม่เกิน 2 เที่ยว แล้วค่อยเก็บรายละเอียดในบางจุดที่ยังไม่เรียบร้อย หากทาทับไปเรื่อยจะทำให้สีดูหนาเกินไป หรือถ้าจำเป็นจะต้องทาซ้ำอีกรอบ ควรรอให้สีแห้งสนิทดีเสียก่อน ไม่อย่างนั้นจะทำให้เนื้อสีไม่เรียบได้ นอกจากนี้ การใช้แปรงทาสีที่ถูกวิธีคือ จุ่มแค่เฉพาะช่วงปลายจนถึงกึ่งกลางแปรงเท่านั้น เพื่อไม่ให้สีเลอะบริเวณรอบข้าง และยังช่วยประหยัดสีอีกด้วย
5. ไม่ติดเทป ปล่อยให้สีเลอะเทอะ
เวลาใช้แปรงหรือลูกกลิ้งทาสีตามขอบประตู หน้าต่าง หรือตามมุมต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องอาศัยความระมัดระวังมากกว่าที่อื่น หลายคนอาจลงมือทาสีไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีสีก็เลอะส่วนอื่นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ทางที่ดีก่อนลงมือควรใช้เทปกาวติดตามขอบต่างๆ เพื่อป้องกันสีเลอะเสียก่อน แล้วเริ่มทาจากส่วนกลางผนัง ก่อนใช้แปรงหรือลูกกลิ้งทาส่วนที่ติดกับขอบในแนวขวาง แล้วลอกเทปกาวออกเมื่อสีแห้งสนิทดีแล้ว จะทำให้งานออกมาเนี้ยบแบบไม่มีที่ติ
6. เลือกทาสีในวันที่อุณหภูมิไม่เหมาะสม
อากาศในแต่ละวันก็มีผลกับการทาสีเหมือนกัน เราไม่ควรทาสีในวันที่มีอากาศเย็น เพราะความชื้นในอากาศจะทำให้สีแห้งยาก แต่ในทางกลับกัน ถ้าอากาศร้อนจัดก็จะทำให้สีแห้งเร็วเกินไป จนกลายเป็นคราบ เพราะฉะนั้นควรเลือกวันที่มีอุณหภูมิที่กำลังพอเหมาะ และถึงแม้ว่าจะอยู่ในระหว่างทาสี ก็ควรปิดฝาถังสีทุกครั้ง นอกจากจะป้องกันเนื้อสีเปลี่ยนตามอุณหภูมิแล้ว ยังป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้อีกด้วย
ขอขอบคุณเนื้อหาดีๆจาก : https://www.jbp.co.th/th
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ : https://www.jbp.co.th/th
เนื้อหาที่คล้ายกัน