img


5 สาเหตุแอร์ไม่เย็น คือ? พร้อมวิธีการแก้ไขเบื้องต้น !!

ในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ ใครที่รู้สึกว่าไม่สบายตัวมักจะมีเหงื่อไหลไคลย้อย การเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้อากาศภายในห้องของคุณเย็น และทำให้คุณรู้สึกสบายตัวมากยิ่งขึ้น แต่หากเปิดเครื่องปรับอากาศแล้วรู้สึกไม่เย็น มีเพียงแค่ลมออกมา ควรทำการเช็กหาสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็น สำหรับใครที่คิดว่า แอร์เสีย แล้วแก้ปัญหาด้วยการโทรเรียกช่าง แต่ก็อีกหลายวันกว่าจะถึงคิวของคุณ วันนี้ โกลบอลเฮ้าส์ จะมาแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้นของอาการแอร์ไม่เย็นเป็นเพราะสาเหตุใด และสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองอย่างไรบ้าง เพื่อแก้ปัญหาและทำให้แอร์ของคุณกลับมาเย็นชุ่มฉ่ำชื่นใจดังเดิม


สาเหตุที่แอร์ไม่เย็นมีอะไรบ้าง

ปัญหาของการที่แอร์ไม่เย็น แอร์เย็นช้า และแอร์เย็นน้อยลง สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นเพราะเกิดจากความผิดพลาดของโหมดแอร์ที่คุณอาจจะเปลี่ยนโหมดเอาไว้ แล้วลืมกดเปลี่ยนกลับมาเพื่อคืนค่าเดิม หรือไปโดนปุ่มเปลี่ยนโหมดโดยที่คุณไม่ทันรู้ตัว ก็สามารถทำให้แอร์ไม่เย็นหรือเย็นน้อยลงได้ เพราะใช้โหมดที่ไม่ตรงกับสถานการณ์ในตอนนั้นๆ หรือการที่คุณไม่ได้ทำความสะอาดฟิลเตอร์ หรือล้างแอร์ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แอร์ไม่เย็นได้เช่นกัน เพราะจะมีสิ่งสกปรก หรือฝุ่นไปเกาะติดอยู่ภายในเครื่อง ส่งผลให้ลมแอร์ไม่สามารถปล่อยออกมาได้เต็มประสิทธิภาพ และปัญหาที่ใหญ่ขึ้นมาอีกขั้นก็คือ การที่คาปาซิเตอร์เสีย หรือคอมเพรสเซอร์แอร์ที่อยู่นอกบ้านของคุณมีปัญหาหรือระบบไม่ทำงาน ซึ่งส่งผลให้ระบบทำความเย็นของแอร์คุณไม่ทำงานเช่นกัน มาดูกันว่าจะมีวิธีไหนที่คุณจะสามารถเช็ก หรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นได้


1. ปรับโหมดแอร์ไม่พอดีต่อความต้องการ

การปรับเปลี่ยนโหมดแอร์ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของปัญหาที่คุณอาจมองข้าม เพราะหลายครั้งที่พบว่าตัวเครื่องปรับอากาศทำงานได้ตามปกติ แต่กลับไม่มีลมเย็นออกมา อยากจะให้คุณลองเช็กดูก่อนว่า ได้เลือกใช้โหมดแอร์ตรงตามสภาพอากาศที่เป็นอยู่หรือไม่ บางคนอาจเปลี่ยนโหมดแล้วลืมเปลี่ยนกลับคืน หรือบางคนอาจเผลอไปกดโดนปุ่มรีโมตโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ก็จะทำให้แอร์ของคุณไม่เย็นเพราะไม่ได้ตั้งค่าการใช้งานให้ถูกโหมดตามสภาพอากาศที่เป็นอยู่ ซึ่งการเลือกใช้ โหมดแอร์ จะมีอยู่หลักๆ ด้วยกัน 4 โหมด ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ

  • Auto Mode เป็นการปรับความเย็นโดยอัตโนมัติที่มีเซนเซอร์แอร์กำหนดไว้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวก มีการเดินเข้า และเดินออกในห้องบ่อยๆ
  • Cool Mode เป็นการกำหนด หรือการปรับตามอุณหภูมิตามที่คุณต้องการ เหมาะสำหรับวันที่อากาศร้อนอบอ้าวแบบประเทศไทย
  • Dry Mode เหมือนกับ Cool Mode แต่จะเพิ่มการควบคุมความชื้นภายในห้อง เหมาะสำหรับฤดูฝน ที่ไม่อยากให้ในห้องมีความชื้นสูง
  • Fan Mode เป็นการหมุนเวียนของลมจากภายนอกห้องเข้ามาภายในห้อง โดยไม่มีความเย็น จะเป็นอุณหภูมิแบบปกติ เหมาะสำหรับห้องที่มีกลิ่นอับ ต้องการให้มีอากาศถ่ายเทหมุนเวียนภายในห้อง


ใครที่เปิดแอร์แล้วรู้สึกว่าร้อน ถ้าคุณใช้ Fan Mode แน่นอนอยู่แล้วว่าจะไม่มีลมเย็นออกมาเลย มีแค่ลมปกติ ซึ่งในอากาศร้อนแบบประเทศไทยนี้ แนะนำให้ใช้ Cool Mode ในอุณหภูมิ 18 - 25 องศาเซลเซียส แต่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิความร้อนของพื้นที่ หรือภายในห้องนั้นๆ และสามารถปรับอุณหภูมิได้ตามความเหมาะสมที่ต้องการ หากใครที่เช็กแล้วว่าอยู่ใน Cool Mode แล้ว แต่แอร์ก็ยังไม่เย็นเลย อย่าเพิ่งตกใจไปมาดูการเช็กในลำดับต่อไปกันดีกว่า


2. ฟิลเตอร์ไม่สะอาด

ใครที่ใช้เครื่องปรับอากาศมาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว แต่ยังพบว่าแอร์ไม่เย็น ให้คุณลองเช็กดูว่าได้ทำความสะอาดฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรองอากาศแล้วหรือยัง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกับฟิลเตอร์ ก็คือ มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเกาะอยู่ที่แผ่นกรองอากาศ ก็จะทำให้ลมเย็นของแอร์ออกมาได้ไม่เต็มที่นั่นเอง ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาสามารถทำได้ง่าย และไม่ยากอย่างที่คิด เพียงถอดฟิลเตอร์ออกมาล้างทำความสะอาด แค่นี้ก็ทำให้แอร์ของคุณกลับมาเย็นเหมือนเดิม โดยมีวิธีในการทำความสะอาดดังต่อไปนี้

  • เริ่มจากการเปิดหน้ากากบริเวณด้านหน้าเครื่องปรับอากาศ จากนั้นดันแถบจับซึ่งอยู่ตรงกลางของแผ่นกรองอากาศขึ้นเล็กน้อย และดึงแผ่นกรองอากาศลง ก็จะสามารถถอดแผ่นกรองอากาศออกมาได้
  • นำแผ่นกรองอากาศไปล้างน้ำทำความสะอาด ไม่ควรขัดแรง เพราะอาจทำให้แผ่นกรองอากาศเสียหายได้ หรือใครที่ไม่อยากจะนำไปล้างน้ำ ก็สามารถใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดสิ่งสกปรกออก แล้วนำไปผึ่งในที่ร่มจนแห้ง ไม่ควรโดนแดดแรงๆ
  • หลังจากนั้นนำไปประกอบกลับเข้าตัวเครื่อง และปิดหน้ากากเครื่องปรับอากาศให้สนิท ควรทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอย่างน้อยทุกๆ 2 สัปดาห์


เพียงเท่านี้ปัญหาที่แอร์ไม่เย็น หรือแอร์เย็นช้าก็จะหมดไป แต่ถ้าหากใครลองทำความสะอาดฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรองอากาศแล้วลมแอร์ยังไม่เย็น ให้คุณคำนวณระยะเวลาที่ได้ทำการล้างแอร์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ เพราะถ้าคุณไม่ได้ล้างแอร์มาเป็นระยะเวลานาน เป็นไปได้ว่าแอร์ของคุณจะเต็มไปด้วยฝุ่น เชื้อแบคทีเรียที่อาจสะสมอยู่ในแผงคอยล์ จนคอยล์ไม่สามารถระบายทั้งความเย็น และความร้อนได้สะดวก ส่งผลให้ระบบแอร์ทำงานได้ไม่เต็มที่ ในกรณีนี้แนะนำให้คุณติดต่อช่างแอร์โดยตรง ให้มาทำความสะอาดล้างแอร์ให้กับคุณ ทางที่ดีควรล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือนเป็นอย่างต่ำ โดยทางโกลบอลเฮ้าส์มี บริการช่างดี ในการล้างเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นบริการที่การอำนวยความสะดวกและประหยัดเวลาให้กับคุณ


3. คอมเพรสเซอร์แอร์มีปัญหา

หากคุณได้ทำการแก้ไขปัญหาด้วยการปรับโหมดแอร์ และทำความสะอาดฟิลเตอร์ไปแล้ว แต่แอร์ก็ยังคงไม่เย็นอยู่ ให้ลองเช็กที่คอมเพรสเซอร์แอร์ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นคอมเพรสเซอร์ตัวที่อยู่นอกบ้าน เป็นคอยล์ร้อนที่ไม่ทำงานซึ่งอาจเกิดจากปัญหาที่ไฟตก เพราะถ้าหากไฟตกแอร์จะยังทำงานอยู่ เพียงแต่จะไม่มีความเย็นออกมาเท่านั้นเอง ให้แก้ด้วยการสับเบรกเกอร์แอร์ลง แล้วสับขึ้นไปใหม่ เพียงเท่านี้แอร์ของคุณก็จะกลับมาเย็นตามปกติ แต่ถ้าลองสับเบรกเกอร์แล้ว คอมเพรสเซอร์แอร์ยังไม่ทำงานอาจเป็นไปได้ว่า คาปาซิเตอร์ของคุณเสีย เพราะหน้าที่การทำงานของคาปาซิเตอร์เป็นเหมือนตัวเก็บประจุที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศ ทำให้การทำงานของแอร์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น กินไฟฟ้าได้น้อยลง และลดการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า สามารถแบ่งตามการใช้งานได้ 2 ชนิด คือ

  • คาปาซิเตอร์สตาร์ท (Starting Capacitor) ทำหน้าที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเริ่มทำงานให้กับตัวคอมเพรสเซอร์ โดยคาปาซิเตอร์สตาร์ทมีค่าความจุสูง และค่าทนแรงดันต่ำ ที่ช่วยในการทำงานสตาร์ตมอเตอร์ในขั้นแรก และจะส่งต่อให้คาปาซิเตอร์รันช่วยให้มอเตอร์ทำงานต่อไป
  • คาปาซิเตอร์รัน (Running Capacitor) ต่ออยู่กับขดลวดสตาร์ทของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ แบบเดียวกันกับมอเตอร์พัดลม ตัวถังคาปาซิเตอร์รัน สามารถทนต่อแรงดันไฟฟ้าได้สูง ทำงานได้เป็นระยะเวลานานๆ ดังนั้นคาปาซิเตอร์รันที่ใช้ในมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ จะเป็นชนิด MF ที่สามารถซ่อมตัวเองได้ หากเกิดการรั่วของประจุไฟฟ้า ข้อควรระวัง แนะนำให้ติดตั้งไว้ในตัวถังที่เป็นโลหะ โดยมีระยะห่างจากขั้วไฟฟ้าอย่างน้อย 1 ซม. เพื่อความปลอดภัยในการกันระเบิด ลุกติดไฟได้


หลังจากที่คุณได้ลองสับเบรกเกอร์แอร์ลงแล้วเปิดใหม่ ตัวคอมเพรสเซอร์แอร์ก็ยังไม่ทำงาน เบื้องต้นให้คุณยกคัตเอาต์ของแอร์ลงก่อน เพื่อป้องกันการไฟดูด และให้คุณลองดูที่บริเวณใกล้ขั้วของคาปาซิเตอร์ ว่ามีคราบคล้ายน้ำมัน หรือจับแล้วมีลักษณะเป็นของเหลวมันๆหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นหมายความว่า คาปาซิเตอร์ทำงานผิดปกติ หรือระเบิด ทำให้สารอิเล็กโทรไลต์พุ่งออกมา คุณสามารถหาซื้อคาปาซิเตอร์รัน แล้วทำการเปลี่ยนเองได้ แต่จะต้องพอมีความรู้ความเชี่ยวชาญพอสมควร แนะนำว่าให้เรียกช่างที่ชำนาญมาดีกว่า เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวคุณ



4. น้ำยาแอร์เหลือน้อยกว่าปกติ

น้ำยาแอร์เป็นสารสำคัญที่จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยไล่ตั้งแต่ภายในคอมเพรสเซอร์จะมีกระบวนการปรับอุณหภูมิน้ำยาแอร์ให้เหมาะสมกับอากาศภายในห้อง จากนั้นก็จะทำการปล่อยความเย็นออกมาตามโหมดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ เมื่อเกิดปัญหาแอร์ไม่เย็นให้สังเกตที่น้ำยาแอร์ หากมีปริมาณลดลงก็สามารถเติมเข้าไปได้ แต่ถ้าเติมแล้วยังไม่เย็นอาจจะต้องไปเช็กการรั่วไหลของท่อน้ำยาแอร์ เพราะน้ำยาแอร์ส่วนใหญ่แทบจะไม่จำเป็นต้องเติมเพิ่มเลยตลอดอายุการใช้งาน ปัญหาดังกล่าวจะต้องดำเนินการซ่อมโดยช่างผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงก็คือชนิดของน้ำยาแอร์ที่เครื่องปรับอากาศใช้ หลักๆ มี 2 ชนิดดังนี้

  • น้ำยาแอร์ R32 เป็นน้ำยาแอร์ที่นิยมใช้ในแอร์รุ่นปัจจุบัน สามารถเติมเข้าไปได้เลยเมื่อปริมาณน้ำยาแอร์ไม่ถึงเกณฑ์ สำหรับค่าแรงดันมาตรฐานของน้ำยาแอร์ R32 อยู่ที่ 160 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
  • น้ำยาแอร์ R410A เป็นน้ำยาแอร์ที่ผ่านการผสมสาร 2 ชนิด การเติมจะต้องทำการถ่ายน้ำยาแอร์ชุดเก่าออกใหม่จึงจะสามารถเติมเข้าไปใหม่ได้ ค่าแรงดันมาตรฐานของน้ำยาแอร์ R410A อยู่ที่ 140-160  ปอนด์ต่อตารางนิ้ว


วิธีสังเกตปริมาณน้ำยาแอร์เบื้องต้น ให้เปิดเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิต่ำๆ ประมาณ 22-24 องศา ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ให้สังเกตที่คอยล์ร้อนบริเวณคอมเพรสเซอร์ต้องมีลมร้อนออกมา จากนั้นให้เช็กที่วาล์ว 2 จุด ข้างๆ คอยล์ร้อน ซึ่งตัววาล์วทั้งคู่ต้องเย็นเหมือนน้ำแข็ง จึงจะตัดสินได้ว่าน้ำยาแอร์ยังอยู่ในปริมาณที่ปกติ


5. ค่า BTU ของแอร์ไม่เหมาะกับขนาดห้อง

ค่า BTU แอร์เป็นหน่วยวัดความสามารถในการทำความเย็นของแอร์ ยิ่งค่า BTU สูง แอร์ยิ่งเย็นเร็ว แต่ก็ต้องเลือกให้เหมาะกับขนาดห้องด้วย เพราะหากห้องมีขนาดใหญ่กว้างขวางแต่เลือกแอร์ BTU ต่ำ จะทำให้แอร์ทำงานหนัก และเย็นไม่ทั่วถึง  ในทางกลับกันหากเลือก BTU เกินขนาดห้องก็จะทำให้เปลืองไฟ เย็นช้า แอร์ทำงานหนัก และอายุการใช้งานสั้น สำหรับวิธีการคำนวณหา BTU ที่เหมาะกับห้องให้ใช้สูตรดังนี้


[กว้าง(เมตร) x ยาว(เมตร)] x ตัวแปร = ค่า BTU

ค่าตัวแปรมีมาตรฐานดังนี้

ห้องนอน = 750-800

ห้องทำงาน = 850-900

ห้องประชุม = 1,100-1,500

ตัวอย่างหาค่า BTU เช่น [ห้องนอนขนาด 5x5 เมตร] x 750 =  18,750 BTU 


ดังนั้น เพื่อลดปัญหาแอร์ไม่เย็น ควรมองหาแอร์ที่มีค่า BTU เท่ากับหรือใกล้เคียงกับผลลัพธ์ที่คำนวณได้จะเหมาะกับการใช้งานมากที่สุด เพราะจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างเต็มที่ไม่เปลืองไฟ และเย็นฉ่ำอย่างแน่นอน


บทสรุป 

ใครที่กำลังเจอกับปัญหาแอร์ไม่เย็น ตอนนี้ก็คงจะรู้วิธีในการแก้ไขเบื้องต้นแล้วว่า ควรจะเช็กรีโมตแอร์ว่าอยู่ในโหมดที่ถูกต้องกับสภาพอากาศหรือไม่ เพราะถ้าอากาศร้อนแล้วแอร์อยู่ใน Fan Mode ก็ให้เปลี่ยนเป็น Cool Mode ใครที่ได้ทำความสะอาดฟิลเตอร์แล้ว แต่แอร์ยังร้อนอยู่ควรเรียกช่างมาล้างแอร์ พร้อมกับเช็กน้ำยาแอร์ไปเลยทีเดียว หากน้ำยาแอร์หมดจะได้ให้ช่างทำการเติมน้ำยาให้ แล้วหากใครที่คอมเพรสเซอร์แอร์ตัวที่อยู่ด้านนอกห้องไม่ทำงาน อาจลองสับเบรกเกอร์ลง และเปิดใหม่ ถ้าเกิดว่าคอมเพรสเซอร์แอร์ยังไม่ทำงาน ไม่แนะนำให้คุณลองซ่อมเอง เพราะถ้าหากทำได้ไม่ถูกวิธี จะส่งผลให้เครื่องปรับอากาศของคุณเสียหาย และเป็นงานที่ยากมากขึ้นสำหรับช่างได้ ทางที่ดีควรให้เรียกช่างที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาทำการซ่อมจะดีกว่า ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องแอร์ไม่เย็นได้อย่างตรงจุด เพียงเท่านี้คุณก็จะมีแอร์ที่เย็นฉ่ำให้ใช้อย่างสบายใจ


หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอร์ หรือเครื่องปรับอากาศ โกลบอลเฮ้าส์ ช่วยคุณได้

พอคุณรู้สาเหตุที่ แอร์ไม่เย็น คืออะไร ก็จะสามารถทำให้คุณแก้ไขปัญหาเบื้องต้น หรือทราบถึงอาการของเครื่องปรับอากาศ โดยสามารถแจ้งให้กับทางช่างแอร์มาดำเนินการต่อได้เลย นอกจากนี้อย่าลืมคำนึงถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เครื่องปรับอากาศ ที่คุณติดตั้งนั้น มีบริการหลังการขายที่ครบครันให้กับคุณหรือไม่ หากคุณเกิดข้อสงสัยในส่วนนี้ สามารถไปดูสินค้าจริงได้เลยที่ Global House ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยทางโกลบอลเฮ้าส์ จะมีพนักงานที่พร้อมให้บริการตอบคำถาม และมี บริการล้างเครื่องปรับอากาศ สุดพิเศษจากช่างดีบริการครบ จบเรื่องบ้าน หรือจะช้อปผ่านออนไลน์ก็ง่าย สบายกระเป๋า ผ่อนก็คุ้มกับโกลบอลเฮ้าส์ ที่ให้ สิทธิพิเศษในการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด) นอกจาก เครื่องปรับอากาศ หรือ แอร์ แล้วทาง Global house เอง ยังให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านที่ดีด้วย A Better Choice for A Better Home


เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่

Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์

Line@: @globalhouse

TikTok: globalhouseofficial

App Click&Collect


บริการช่างดี

App ช่างดี

Web ช่างดี บริการติดตั้ง

Facebook: ChangDeeService

Line Official: @Changdee




เนื้อหาที่คล้ายกัน