img


ตู้เย็น 2 ประตูกับ 1 ประตู ตู้เย็นแบบไหนประหยัดไฟมากกว่ากัน

"ตู้เย็น" นับเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐานที่ทุกบ้านควรมี โดยเฉพาะคนที่ติดน้ำแข็ง ชอบดื่มน้ำเย็น และกินอาหารไม่หมดในมื้อเดียว เพราะนอกจากตู้เย็นจะช่วยทำความเย็นให้เครื่องดื่มต่างๆ แล้ว ยังเป็นตัวช่วยในการถนอมอาหารได้ดีอีกด้วย ซึ่งตู้เย็นก็มีให้เลือกทั้งตู้เย็น 1 ประตู ทั้งตู้เย็น 2 ประตู แล้วตู้เย็นแบบไหนประหยัดไฟมากกว่ากันล่ะ?



ทางโกลบอลเฮ้าส์จะพาคุณมาไขข้อสงสัยว่าตู้เย็นแบบไหนประหยัดไฟมากกว่า ระหว่างตู้เย็น 1 ประตู และตู้เย็น 2 ประตู แต่ละแบบเหมาะกับใคร และจะซื้อตู้เย็นทั้งที ควรซื้อตู้เย็นยี่ห้อไหนดี? สำหรับผู้อ่านท่านใดที่กำลังมองหาตู้เย็นมาใช้งานภายในบ้าน อยากได้ตู้เย็นที่ตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้งาน มีอายุการใช้งานนาน ประหยัดไฟ และสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ต้องไม่พลาดบทความนี้!


หัวข้อไฮไลท์

  • ตู้เย็น 2 ประตูกับ 1 ประตูแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
  • ตู้เย็น 1 ประตูเหมาะกับใคร?
  • ตู้เย็น 2 ประตูเหมาะกับใคร?
  • เลือกตู้เย็นแบบ 1 และ 2 ประตู ยี่ห้อไหนดี ?
  • สรุปบทความ


ตู้เย็น 2 ประตูกับ 1 ประตูแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?


ตู้เย็น 2 ประตูกับตู้เย็น 1 ประตู มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ตั้งแต่ขนาดและความจุของตู้เย็น, การแบ่งพื้นที่ช่องสำหรับจัดเก็บ, ฟังก์ชันการใช้งาน, กำลังไฟที่ใช้, การควบคุมอุณหภูมิ และรวมไปถึงระบบต่างๆ อย่างระบบ Inverter ด้วย แต่จะมีความต่างกันแบบเล็กน้อย หรือจะมีความแตกต่างกันมากแค่ไหน เราไปหาคำตอบกันเลย!


1. ขนาดและความจุของตู้เย็น

ขนาดหรือความจุของตู้เย็นจะเรียกเป็น “คิว” ซึ่งย่อมาจากคำว่า Cubic Feet คือ การคิดขนาดของตู้เย็น โดยคำนวณจากความจุของพื้นที่ในตู้เย็นทั้งหมดนั่นเอง สูตรการคำนวณคือการนำความสูง ความลึก และความกว้างของตู้เย็นที่ถูกวัดเป็นหน่วยฟุตมาคูณกัน จากนั้นคุณก็จะได้ขนาดคิวบิกฟุตออกมา ซึ่งตู้เย็น 1 ประตูมักจะเริ่มต้นที่ 3 คิวขึ้นไป ส่วนตู้เย็น 2 ประตูจะเริ่มต้นที่ 6 คิวขึ้นไป

  • ตู้เย็นขนาด 7-13 คิว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิก 1-2 คน
  • ตู้เย็นขนาด 12-18 คิว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิก 3-4 คน
  • ตู้เย็นขนาด 15 คิวขึ้นไป เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิก 5 คนขึ้นไป


2. ช่องสำหรับจัดเก็บ

ช่องสำหรับจัดเก็บของตู้เย็น 2 ประตู จะมีขนาดใหญ่กว่าและมีพื้นที่แบ่งแยกออกไปเป็นสัดส่วนดีกว่าตู้เย็น 1 ประตู เนื่องจากขนาดความจุของตู้เย็น 2 ประตูมากกว่านั่นเอง สำหรับใครที่ชอบตู้เย็นที่เป็นระบบเรียบร้อย ต้องการเก็บอาหารสด ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ เครื่องดื่ม ฯลฯ แยกกัน แนะนำให้เลือกเป็นตู้เย็น 2 ประตู ส่วนใครที่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มาก และไม่ได้ต้องการตู้เย็นที่มีความจุเยอะๆ สามารถเลือกซื้อเป็นตู้เย็น 1 ประตูได้เลย


3. ฟังก์ชันการใช้งาน

ในส่วนของฟังก์ชันการใช้งานนั้น ต้องยอมรับว่าตู้เย็น 2 ประตูมีฟังก์ชันที่หลากหลาย และทำให้คุณหยิบจับหรือจัดเก็บอะไรได้สะดวกมากกว่าตู้เย็น 1 ประตูมาก อย่างแรกเลยคือตู้เย็น 2 ประตูจะมีช่องแช่แข็งแยกจากช่องแช่เย็นธรรมดาอย่างชัดเจน โดยประตูตู้เย็นบานเล็กจะมักจะเป็นบานที่เปิดไปเจอตู้แช่แข็งโดยตรง ทำให้คุณสามารถจัดเก็บเนื้อสัตว์ที่มีกลิ่นคาวแยกจากวัตถุดิบอื่นๆ ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่น ส่วนฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ที่น่าสนใจ มีดังนี้ (ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ)

  • ระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ (มีเฉพาะในตู้เย็น 2 ประตู)
  • ระบบขจัดความชื้นภายในตู้เย็น
  • ระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ลดกลิ่นอับ ขจัดแบคทีเรีย
  • ระบบควบคุมอุณหภูมิตู้เย็นได้ตามต้องการ
  • ระบบทำความเย็นแบบคู่ (แยกการกระจายลมเย็นของช่องแช่แข็งกับช่องแช่เย็นออกจากกัน)
  • ระบบประหยัดพลังงานไฟฟ้า


4. กำลังไฟที่ใช้

จะรู้ได้อย่างไรว่าตู้เย็นแบบไหนประหยัดไฟ? หรือตู้เย็นแบบไหนกินไฟกว่ากัน “กำลังไฟที่ใช้” นี่แหละคือหนึ่งในตัวบ่งบอก! ซึ่งคุณสามารถตรวจเช็กได้จากสลากของตู้เย็นแต่ละรุ่นได้เลย โดยจะแสดงตัวเลขเป็นหน่วย “วัตต์” (W หรือ watt เป็นหน่วยที่ใช้บ่งบอกพลังงานไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้า) ยิ่งตัวเลขน้อย ยิ่งแปลว่าใช้พลังงานไฟฟ้าน้อย


5. การควบคุมอุณหภูมิ

ระบบควบคุมอุณหภูมิของตู้เย็นแต่ละรุ่นก็ไม่เหมือนกัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ตู้เย็น 2 ประตูจะมีระบบการควบคุมอุณหภูมิที่ดีกว่า อาทิ

  • ระบบการทำความเย็นแบบคู่ (Dual-Cooling System) ทำให้การกระจายลมเย็นของช่องแช่แข็งและช่องแช่เย็นแยกออกจากกัน
  • แผงควบคุมการทำงาน (Programmable Control Pad) แผงควบคุมที่ใช้ในการปรับเปลี่ยนควบคุมอุณหภูมิ ตั้งค่าระดับน้ำ หรือล็อกความเย็น เป็นต้น
  • ระบบกรองอากาศ (Air Filtration) กรองอากาศให้สะอาด กำจัดกลิ่นคาว ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทำให้อากาศในตู้เย็นมีความสดชื่น


6. ระบบ Inverter

ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) เป็นระบบควบคุมการทำงานของมอเตอร์ เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำรอบจนความเย็นไปถึงจุดที่กำหนดไว้ ระบบอินเวอร์เตอร์จะให้มอเตอร์ลดรอบในการทำความเร็วลง แทนที่จะตัดการทำงานไปเลย จึงทำให้ไม่เกิดปัญหาเรื่องไฟกระชาก ไม่เสื่อมสภาพการใช้งานเร็ว มีอายุการใช้งานที่นานกว่า และช่วยประหยัดพลังงานได้ดี ถ้าถามว่าตู้เย็นแบบไหนประหยัดไฟ? ตู้เย็น Inverter นี่แหละคือคำตอบ!

ส่วนตู้เย็นธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีระบบ Inverter คอยควบคุมการทำงานของมอเตอร์ จะเกิดปัญหาเรื่องการกระชากไฟขึ้น เนื่องจากเวลาที่คอมเพรสเซอร์ทำรอบจนความเย็นไปถึงจุดที่กำหนดไว้ ตัวมอเตอร์จะตัดการทำงานทันที ทำให้ไฟกระชาก เมื่อเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตู้เย็นก็จะเสื่อมสภาพการทำงานเร็วขึ้น ทำให้อายุการใช้งานไม่ยาวนาน แถมการที่ไฟกระชากบ่อยๆ หรือการเปิดใช้งานมอเตอร์ใหม่อีกครั้ง ยังทำให้กินไฟเพิ่มเข้าไปอีกด้วย


ตู้เย็น 1 ประตูเหมาะกับใคร?


ตู้เย็น 1 ประตู (Single Door Refrigerators) ถูกออกแบบมาให้เปิดด้วยประตู 1 บาน เมื่อเปิดแล้วจะเห็นช่องภายในทั้งหมด ครอบคลุมการหยิบจับสิ่งของที่อยู่ในตู้ได้ทุกพื้นที่ มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ภายในมีช่องแช่แข็งและช่องแช่เย็น ลักษณะการเปิดจะมีทั้งการเปิดจากด้านบนและด้านข้าง ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเปิดจากด้านข้างมากกว่า

ดังนั้น ตู้เย็น 1 ประตูจึงเหมาะกับบ้านที่มีผู้อยู่อาศัยน้อย 1-2 คนกำลังดี, ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก หอพัก คอนโดมิเนียม หรือผู้ที่ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เปิดใช้ตู้เย็นน้อย


ตู้เย็น 2 ประตูเหมาะกับใคร?


ตู้เย็น 2 ประตู (Double Door Refrigerators) จะมีขนาดใหญ่กว่าสูงกว่า จุของได้มากกว่า และช่วยในการจัดระเบียบสิ่งของในตู้เย็นได้ดีกว่า เพราะถูกออกแบบมาให้มีประตู 2 บาน มีทั้งการเปิดแบบบน-ล่าง และการเปิดแบบซ้าย-ขวา (ตู้เย็น Side by Side) จุดเด่นของตู้เย็น 2 ประตู คือการแยกช่องแช่เย็นธรรมดากับช่องแช่แข็งออกจากกัน รวมถึงช่องเก็บผักผลไม้สดด้านล่างด้วย และในส่วนของบานประตูก็ไม่น้อยหน้า สามารถเก็บและวางสิ่งต่างๆ ได้แบบจัดเต็มทั้ง 2 บานเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ ตู้เย็น 2 ประตูจึงเหมาะกับบ้านที่มีผู้อยู่อาศัย 3-5 คน, บ้านที่มีการเปิดใช้งานตู้เย็นเป็นประจำ, บ้านที่มีพื้นที่กลางๆ ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป และผู้ที่อยากจัดเก็บอาหารและวัตถุดิบให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นมาปนกัน


เลือกตู้เย็นแบบ 1 และ 2 ประตู ยี่ห้อไหนดี ?


คุณก็ได้ทราบไปแล้วว่าตู้เย็น 1 ประตูและตู้เย็น 2 ประตูมีความแตกต่างกันอย่างไร เหมาะกับใคร และตู้เย็นแบบไหนประหยัดไฟมากกว่ากัน เมื่อคุณรู้แล้วว่าตู้เย็นแบบไหนเหมาะกับคุณ คำถามต่อมาคือจะเลือกตู้เย็นยี่ห้อไหนดีล่ะ? 

เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้ตู้เย็นยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน เป็นแบรนด์ชั้นนำ หรือเป็นแบรนด์ที่มีวางจำหน่ายกับทาง Global House อาทิ TOSHIBA, SAMSUNG, BEKO, Hisence, HAIER, HITACHI, LAPIS, MIDEA, EVEREST ฯลฯ หรือสามารถเลือกชมตู้เย็น 1 และ 2 ประตูได้จากลิสต์ด้านล่างนี้ ที่เราเอามาแนะนำกันได้เลย ทั้งนี้ ราคาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสาขาและช่วงเวลา


1. TOSHIBA ตู้เย็น 1 ประตู 5.2 คิว


TOSHIBA ตู้เย็น 1 ประตู ความจุ 5.2 คิว รุ่น GR-D149MS สีซิลเวอร์ มาพร้อมดีไซน์สุดเรียบหรู ดูเท่ ทันสมัยไม่ซ้ำใคร มีช่องแช่แข็งขนาดใหญ่ สามารถใส่เนื้อสัตว์และเครื่องดื่มได้แบบจัดเต็ม ในส่วนของชั้นวางเป็นแบบกระจก แข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักได้เยอะสุดๆ ! ชมสินค้าได้ที่ > TOSHIBA ตู้เย็น 1 ประตู รุ่น GR-D149MS


2. HAIER ตู้เย็น 1 ประตู Min-Bar 1.7 คิว



HAIER ตู้เย็น 1 ประตู Mini-Bar ความจุ 1.7 คิว รุ่น HR-50 สีเทาอ่อน มีขนาดเล็กกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก ทำให้สามารถติดตั้งได้ในพื้นที่ที่หลากหลาย มีการทำความเย็นด้วยระบบ Direct Cooling ทำงานเงียบๆ ไร้เสียงดังรบกวนด้วยการซับเสียงการทำงานที่ท่อทองแดง สามารถเปิดประตูแบบสลับซ้ายขวาได้ตามต้องการ (Reversible Door Design) ชั้นวางข้างประตูสูงใหญ่ สามารถจัดเก็บขวดน้ำขนาดใหญ่และสูงได้ ใช้วัสดุพรีเมียม แข็งแรง ทนทาน สามารถชมสินค้าได้ที่ > HAIER ตู้เย็น 1 ประตู Mini-Bar รุ่น HR-50


3. Hisense ตู้เย็น 1 ประตู 5.5 คิว


Hisense ตู้เย็น 1 ประตู ความจุ 5.5 คิว รุ่น RR209D4TBN สีดำ มีดีไซน์อันเรียบหรูและดูทันสมัย มาพร้อมสลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ช่วยให้คุณประหยัดไฟฟ้าได้ดีกว่าที่เคย มีช่องต่างๆ แยกกันอย่างชัดเจน บริเวณประตูมีชั้นวาง 4 ชั้น จัดเก็บเครื่องปรุงและเครื่องดื่มได้ตามใจ ในส่วนของคอมเพรสเซอร์มีการทำงานเงียบ ประสิทธิภาพสูง และสามารถกระจายความเย็นได้ทั่วทั้งตู้ ชมสินค้าได้ที่ > Hisense ตู้เย็น 1 ประตู รุ่น RR209D4TBN


4. SAMSUNG ตู้เย็น 2 ประตู 7.3 คิว



SAMSUNG ตู้เย็น 2 ประตู ความจุ 7.3 คิว รุ่น RT20HAR1DSA/ST สีเงิน ตู้เย็นอินเวอร์เตอร์คอมเพรสเซอร์แบบดิจิตอล ปรับความเร็วได้ 7 ระดับ ทำงานได้อย่างราบรื่น ไร้เสียงรบกวน และช่วยประหยัดไฟได้ดี มีระบบ All-Around Cooling คอยควบคุมการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ และคงความเย็นให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ทำให้อาหารสดใหม่อยู่เสมอ พร้อมช่อง MoistFresh Zone รองรับการจัดเก็บอาหารเน่าเสียไวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชมสินค้าได้ที่ > SAMSUNG ตู้เย็น 2 ประตู รุ่น RT20HAR1DSA/ST


5. BEKO ตู้เย็น 2 ประตู 12 คิว



BEKO ตู้เย็น 2 ประตู ความจุ 12 คิว รุ่น RDNT371I50S สีเงิน มีระบบทำความเย็นแยกเป็น 2 ส่วน NeoFrost™ Dual Cooling มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ Active Odour Filter ช่วยในการขจัดกลิ่นคาว, HarvestFresh® ระบบแสงถนอมอาหาร, Active Fresh Blue Light™ แสงสีฟ้าช่วยรักษาความสดใหม่, Quick Freeze โหมดเร่งสร้างความเย็น และ Vacation Mode โหมดพักร้อนช่วยประหยัดพลังงาน ชมสินค้าได้ที่ > BEKO ตู้เย็น 2 ประตู รุ่น RDNT371I50S


6. TOSHIBA ตู้เย็น 2 ประตู 8.8


TOSHIBA ตู้เย็น 2 ประตู ความจุ 8.8 คิว รุ่น GR-RT325WE-PMT(06) สีเทา มีระบบ Inverter ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเย็นและช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 17% มีช่องกดน้ำด้านหน้าประตู สามารถกดน้ำดื่มได้เลย โดยที่ไม่ต้องเปิดประตูตู้เย็น และยังมีระบบกำจัดกลิ่น Ag+ Bio กรองและสลายกลิ่นไม่พึงประสงค์อีกด้วย ช่วยให้ตู้เย็นของคุณเย็นสดชื่น ไร้กลิ่นคาว และคงวัตถุดิบให้สดใหม่ได้ทุกวัน ชมสินค้าได้ที่ > TOSHIBA ตู้เย็น 2 ประตู รุ่น GR-RT325WE-PMT(06)


สรุปเกี่ยวกับตู้เย็นแบบไหนช่วยประหยัดไฟ

เราก็ได้ทราบถึงความแตกต่างระหว่างตู้เย็น 1 ประตูและตู้เย็น 2 ประตูกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่าเหมาะกับผู้ใช้งานแบบไหน มีฟังก์ชันการทำอย่างไร รวมไปถึงตู้เย็นแบบไหนประหยัดไฟมากกว่ากันด้วยเช่นกัน สรุปได้ว่าตู้เย็น 2 ประตูช่วยประหยัดไฟได้มากกว่า 1 ประตูนั่นเอง

นอกจากนี้ เรายังมีจุดสังเกตว่าตู้เย็นแบบไหนช่วยประหยัดไฟมาฝากกันด้วย อาทิ ระบบ Inverter, สลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และมีขนาดที่เหมาะสมกับผู้อยู่อาศัย เป็นต้น ทั้งนี้ พฤติกรรมการใช้ตู้เย็น ความถี่ในการเปิด-ปิดตู้เย็นก็ส่งผลต่อการใช้พลังงานเช่นเดียวกัน หวังว่าบทความนี้จะเป็นตัวช่วยในการพิจารณาเลือกซื้อตู้เย็นให้กับผู้อ่านทุกท่านไม่มากก็น้อย!

เครื่องใช้ไฟฟ้า

เฟอร์นิเจอร์ห้องครัว

ห้องครัว



Global House จัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และของตกแต่งบ้าน ให้คุณครบจบในที่เดียว

เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่

    • Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์

    • Line@: @globalhouse

    • App Click&Collect


บริการช่างดี

    • App ช่างดี

    • Facebook: ChangDeeService

    • Line Official: @Changdee




เนื้อหาที่คล้ายกัน