img


7 เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไรให้ประหยัดค่าไฟ

ยุคนี้อะไรๆ ก็มีราคาสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ทั้งค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร และยังรวมไปถึงค่าสาธารณูปโภคอย่างค่าไฟฟ้าด้วย ยิ่งในบ้านของเรามีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ามากเท่าไหร่ เปิดบ่อยแค่ไหน ค่าไฟก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น โดยเฉพาะกับหน้าร้อนที่เราต้องเปิดแอร์แทบจะตลอดทั้งวัน แล้วเราจะทำอย่างไรให้ค่าไฟฟ้าลดลง และทำให้การประหยัดไฟฟ้าภายในบ้านเป็นเรื่องง่ายขึ้น? ซึ่งทุกคำตอบที่คุณกำลังตามหานั้น อยู่ในบทความนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!




ในบทความนี้ Global House จะมาแนะนำเทคนิคการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ทราบกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นตัวช่วยลดค่าไฟได้ดีแล้ว ยังช่วยให้คุณได้ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ไม่เสี่ยงไฟรั่ว และมีอายุการใช้งานยาวๆ อีกด้วย


หัวข้อไฮไลท์

  • 7 เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ประหยัดและปลอดภัย
  • วิธีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด เริ่มต้นได้ง่ายๆ ที่ตัวเอง
  • สรุปบทความ


7 เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ประหยัดและปลอดภัย


เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องปรับอากาศ, เครื่องซักผ้า, หม้อหุงข้าว, พัดลม, เตารีด, เครื่องทำน้ำอุ่น หรือตู้เย็น เป็นสิ่งที่หลายๆ บ้านขาดไปไม่ได้เลย เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตของเรา สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ก็ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายภายในบ้านขึ้นมาได้เช่นกัน

จะดีกว่าไหม? หากคุณสามารถใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เหล่านี้ได้ตามความต้องการ แต่ประหยัดไฟได้มากกว่าเดิม และทำให้ค่าใช้จ่ายภายในบ้านลดลงในระยะยาว ถ้าคุณเห็นด้วยล่ะก็ ลองมาดู 7 เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราอยากแนะนำกันได้เลย!


1. มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

แนะนำให้ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และสัญลักษณ์ ดาว 3 ดวง ที่หมายถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าดังกล่าว ได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดไฟฟ้าตามมาตรฐานของ กฟผ. (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) และกระทรวงพลังงานกำหนดมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งระดับของฉลากประหยัดไฟมีตั้งแต่เบอร์ 1 - 5 โดยเบอร์ 5 เป็นระดับการประหยัดไฟสูงที่สุด ส่วนสัญลักษณ์ดาวเป็นเกณฑ์บอกประสิทธิภาพของพลังงานในเครื่องใช้ไฟฟ้า มีตั้งแต่ 1 ดาว ไปจนถึง 3 ดาว

ดังนั้น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และสัญลักษณ์ 3 ดาว คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยประหยัดไฟได้ดีที่สุด อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพตรงตามมาตรฐานอีกด้วย สำหรับใครอยากได้แอร์แบบประหยัด อย่าลืมว่าต้องเลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และสัญลักษณ์ 3 ดาว ติดอยู่เท่านั้น!


2. มีเครื่องหมาย มอก.

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกจำหน่ายโดยบริษัทผู้ผลิตหรือห้างร้านต่างๆ จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพ สามารถซื้อไปใช้งานได้อย่างปลอดภัยแน่นอน แต่ในทางกลับกัน หากพูดถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกขายตามท้องตลาดทั่วๆ ไป อาจทำให้คุณรู้สึกมั่นใจได้ไม่เต็ม 100% เพราะบางร้านอาจจะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานมาขายปะปนกันไปในราคาถูกก็เป็นได้ ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยประหยัดไฟแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อคุณและครอบครัวอีกด้วย

“เครื่องหมาย มอก.” หรือเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงเป็นสัญลักษณ์ที่จะทำให้คุณสามารถมั่นใจได้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใดมีมาตรฐานจริง สามารถซื้อมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย และเมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุดก็สามารถหาอะไหล่ในการซ่อมได้ง่าย เพราะมอก. เป็นข้อกำหนดทางวิชาการที่ถูกออกโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อป้องกันและคุ้มครองผู้บริโภคจากความอันตรายที่เกิดจากการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ นั่นเอง


3. ขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน

ขนาดของเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดเหมาะกับพื้นที่การใช้งาน จะช่วยให้เครื่องสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำงานหนักเกินไป เกิดผลลัพธ์ที่ดี ใช้งานได้นาน และช่วยประหยัดไฟได้

ยกตัวอย่างเช่น เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ คุณจะต้องคำนึงถึงขนาดห้องและปริมาณของผู้อยู่อาศัยก่อน จึงจะรู้ว่าควรซื้อแอร์ขนาดกี่ BTU เพราะถ้าห้องมีขนาดเล็ก แต่เลือกแอร์ที่มี BTU เยอะ ก็จะทำให้แอร์ใช้พลังงานไฟฟ้ามากเกินความจำเป็นได้ ส่วนห้องที่มีขนาดใหญ่ แต่ใช้แอร์ขนาดเล็กที่มี BTU น้อย ก็จะทำให้แอร์ทำงานใช้พลังงานเยอะกว่าปกติ เพื่อเร่งให้ความเย็นกระจายทั่วถึงทุกมุมห้อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ค่าไฟของคุณสูงขึ้นได้อย่างชัดเจน


4. หลอดไฟ LED ประหยัดไฟกว่า

แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้หลอดไฟ LED แทนการใช้หลอดไฟแบบ Incandescent (หลอดไส้) และ Fluorescent (หลอดตะเกียบ) เพราะหลอดไฟ LED ช่วยประหยัดไฟได้ดีกว่า เนื่องจากหลอดไฟ LED สามารถส่องสว่างได้ทันที โดยไม่ต้องกะพริบก่อน, ใช้พลังงานน้อย กินไฟน้อย แต่มีประสิทธิภาพและความสว่างเทียบเท่ากับหลอดไฟแบบอื่นๆ แถมยังมีอายุการใช้งานนาน, ไม่ปล่อยรังสี UV, ระบายความร้อนได้ดี และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย



5. มีเทคโนโลยีใหม่ๆ

ไหนๆ คุณก็จะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวใหม่แล้ว แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้งาน และมีฟังก์ชันประหยัดพลังงานร่วมด้วยจะดีกว่า เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าลงไปอีกระดับ เช่น เทคโนโลยีช่วยประหยัดไฟ โหมดลดการใช้พลังงาน หรือโหมด ECO เป็นต้น


6. มีตัวควบคุมการใช้พลังงาน

เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีตัวควบคุมการใช้พลังงาน เช่น การควบคุมระดับความแรงของลมในพัดลม, การควบคุมอุณหภูมิของแอร์, การควบคุมแสงในจอทีวี หรือการควบคุมโหมดต่างๆ บนเครื่องซักผ้า จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้พลังงานเท่าที่จำเป็น เหมาะกับการใช้งานในแต่ละครั้ง และตอบโจทย์ตามที่ผู้ใช้งานต้องการมากที่สุด


7. มีใบรับประกันคุณภาพ

คงจะไม่ดีนัก หากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณซื้อมาใช้งานเกิดปัญหาและขัดข้องขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นทางบริษัทและร้านยังไม่รับผิดชอบใดๆ อีกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้ แนะนำให้ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีใบรับประกันคุณภาพแนบมาด้วย เพราะใบรับประกันจะใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่าคุณมีการซื้อสินค้ามาใช้งานจริง และสามารถนำไปใช้เคลมในกรณีที่สินค้ามีปัญหาขึ้นมาได้ด้วยเช่นกัน


วิธีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด เริ่มต้นได้ง่ายๆ ที่ตัวเอง


คลายกังวลเรื่องค่าไฟแพงไปได้เลย! เพราะเรามีวิธีใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดมาฝากกันด้วย รับรองว่าลดค่าไฟได้จริง ทั้งง่ายทั้งเห็นผล และสามารถทำได้ทุกคนแน่นอน งั้นมาเริ่มต้นที่ตัวคุณก่อนดีกว่า จากนั้นค่อยแนะนำคนอื่นๆ ในครอบครัวกันต่อ


เครื่องปรับอากาศ

    • ตั้งอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส และเปิดพัดลมเพื่อเพิ่มความเย็น

    • เลือกเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับขนาดของห้อง

    • ทุกครั้งที่เปิดแอร์ให้ปิดหน้าต่างและประตูให้สนิท

    • ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศและแผงระบายความร้อนอยู่เสมอ

    • ปิดเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ทุกครั้ง เมื่อไม่อยู่ในห้องเกิน 30 นาที

    • ปิดเครื่องปรับอากาศทั่วไปทุกครั้ง เมื่อไม่อยู่ในห้องเกิน 1 ชั่วโมง

    • ติดตั้งเครื่องปรับอากาศในตำแหน่งที่โดนความร้อนน้อยที่สุด


แสงไฟ/หลอดไฟ

    • ช่วงกลางวันให้เปิดหน้าต่างรับแสง แทนการเปิดไฟภายในบ้าน

    • ปิดไฟทุกครั้งเมื่อออกจากห้อง หรือไม่ใช้งาน

    • ใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดไฟแบบธรรมดา


ตู้เย็น

    • หยิบของเสร็จแล้วให้ปิดตู้เย็นทันที ไม่ควรเปิดตู้เย็นทิ้งไว้

    • เลือกตู้เย็นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 

    • ตู้เย็น 1 ประตู ช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าตู้เย็น 2 ประตู

    • ปิดประตูตู้เย็นให้สนิททุกครั้ง

    • ตั้งอุณหภูมิของตู้เย็นตามความเหมาะสม

    • แช่ของในตู้เย็นในปริมาณที่พอดี ไม่ยัดจนแน่นล้นตู้

    • ไม่นำอาหารร้อนหรือของร้อนเข้าไปแช่ในตู้เย็นทันที (ทิ้งไว้ให้เย็นก่อน)

    • ทำความสะอาดตู้เย็นและแผงระบายความร้อนอยู่เสมอ

    • หากน้ำแข็งที่เกาะอยู่เริ่มหนาตัว ให้ละลายออกไป

    • ตั้งตู้เย็นในบริเวณที่โดนความร้อนและแสงแดดน้อยที่สุด

    • ตั้งตู้เย็นให้ห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซนติเมตร เพื่อระบายความร้อนได้ดีและช่วยลดการใช้พลังงานได้


เตารีด

    • ปรับระดับความร้อนในการรีดให้เหมาะกับผ้าแต่ละชนิด

    • พรมน้ำหรือน้ำยารีดผ้าในปริมาณที่เหมาะสม พอชื้นๆ ไม่เปียกแฉะ

    • แนะนำให้รีดผ้าครั้งละมากๆ จะประหยัดไฟมากกว่ารีดผ้าทีละไม่กี่ตัว

    • ถอดปลั๊กเตารีดก่อนเลิกใช้งานล่วงหน้าประมาณ 3 - 5 นาที เพราะยังมีความร้อนอยู่ ทำให้สามารถรีดต่อไปได้อีก



เครื่องซักผ้า 

    • เลือกขนาดเครื่องซักผ้าให้เหมาะสมกับจำนวนบุคคลในบ้าน ซึ่งจะช่วยประหยัดทั้งน้ำและไฟฟ้าได้

    • เลือกโหมดการซักให้เหมาะกับปริมาณผ้า จะช่วยประหยัดทั้งไฟและน้ำได้ในคราวเดียว

    • รอให้ปริมาณผ้าเยอะพอๆ กับถังซักก่อนจึงซัก ไม่ควรซักผ้าครั้งละน้อยๆ

    • ควรซักผ้าด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิ ส่วนโหมดน้ำร้อนให้ใช้ในยามจำเป็นเท่านั้น



เครื่องทำน้ำอุ่น

    • เลือกใช้เครื่องทำน้ำอุ่นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

    • ติดตั้งสายดินและระบบตัดไฟฟ้ารั่วที่ได้มาตรฐาน

    • ปรับอุณหภูมิความร้อนของน้ำเท่าที่จำเป็น

    • หลังจากที่ใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นเสร็จ ให้ปิดสวิตช์ไฟฟ้าทุกครั้ง


เครื่องดูดฝุ่น

    • ดูดฝุ่นทีละบริเวณและหยุดพักเครื่องชั่วครู่ เพราะการใช้งานเครื่องดูดฝุ่นติดต่อกันนานๆ อาจทำให้เครื่องร้อนและใช้พลังงานเพิ่มขึ้นได้

    • เลือกขนาดของเครื่องดูดฝุ่นให้เหมาะกับขนาดของบ้าน

    • ดูดฝุ่นเสร็จแล้ว ให้นำเศษฝุ่นที่ดูดได้ไปทิ้งทุกครั้ง และทำความสะอาดตัวกรองบ่อยๆ หรือควรเปลี่ยน ทุกๆ 3 - 6 เดือน

หม้อหุงข้าวไฟฟ้า

    • เลือกซื้อหม้อหุงข้าวที่สามารถหุงข้าวได้ในปริมาณที่พอดีกับสมาชิกในบ้าน (จำนวนคนเยอะให้ใช้หม้อขนาดใหญ่ จำนวนคนน้อยให้ใช้หม้อขนาดเล็ก)

    • ตรวจสอบและทำความสะอาดบริเวณแท่นความร้อนในหม้อข้าวอยู่เสมอ

    • หากข้าวสุกแล้วให้ดึงปลั๊กหม้อหุงข้าวออกทันที


เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ 

    • ถอดปลั๊กหรือปิดสวิตช์ทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน

    • ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน มีเครื่องหมาย มอก. 

    • ไม่ควรใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้านานเกินไป ควรหยุดพักเครื่องบ้าง เพื่อไม่ให้เครื่องทำงานหนักเกินไป เพราะถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดความร้อนก็จะกินไฟมากขึ้น



สรุปเกี่ยวกับเทคนิคการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า

จากเทคนิคการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่ทาง Global House ได้แนะนำไป เห็นได้ชัดว่า ช่วยในการประหยัดไฟฟ้าได้จริง แต่ทั้งนี้ คุณก็ไม่ควรมุ่งเป้าการประหยัดไฟจากการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เพราะพฤติกรรมการใช้งานของคุณก็อาจส่งผลต่อค่าไฟในแต่ละเดือนได้เช่นกัน ถ้าคุณอยากประหยัดไฟมากขึ้น ลองทำตามวิธีการประหยัดพลังงานไฟฟ้าภายในบ้านที่เราเอามาฝากกันได้เลย!

เครื่องใช้ไฟฟ้า

บริการติดตั้ง-ล้างเครื่องใช้ไฟฟ้า



Global House ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภท ทุกแบรนด์ พร้อมบริการติดตั้ง โดยช่างที่มีฝีมือและประสบการณ์ ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาดี มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 สามารถเลือกชมเลือกซื้อบนเว็บไซต์ของเราได้เลย ชมสินค้าขายดีและสินค้าราคาพิเศษได้ที่ https://globalhouse.co.th เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่

    • Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์

    • Line: @globalhouse

    • App: Click&Collect


บริการช่างดี

    • App: ช่างดี

    • Facebook: ChangDeeService

    • Line Official: @Changdee




เนื้อหาที่คล้ายกัน