img


คุณภาพเหล็กเส้น สำคัญอย่างไร


ความสำคัญกับคุณภาพเหล็กเส้น

ในงานก่อสร้างทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่พักอาศัย ถนน สะพาน หรือโครงสร้างขนาดใหญ่ สิ่งหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างก็คือ “เหล็กเส้น” เหล็กเส้นทำหน้าที่หลักในการเสริมแรงคอนกรีต โดยเฉพาะในส่วนที่ต้องรับแรงดึง ซึ่งคอนกรีตเพียงอย่างเดียวไม่สามารถรับแรงประเภทนี้ได้อย่างเพียงพอ ดังนั้น การเลือกใช้เหล็กเส้นที่มีคุณภาพจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อความมั่นคงของอาคารเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยของผู้ใช้งาน และอายุการใช้งานของโครงสร้างในระยะยาว เหล็กเส้น เป็นวัสดุก่อสร้างที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในงานโครงสร้างอาคารและงานวิศวกรรมโยธา ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับคอนกรีต การเลือกใช้เหล็กเส้นคุณภาพดีจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานของโครงสร้าง 



เหตุผลที่ต้องเลือกเหล็กเส้นคุณภาพดี

การเลือกเหล็กเส้นคุณภาพดีเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในงานก่อสร้าง เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อความแข็งแรง ความปลอดภัย และอายุการใช้งานของโครงสร้าง นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้การเลือกเหล็กเส้นคุณภาพดีเป็นเรื่องสำคัญ


1. เพิ่มความปลอดภัยของโครงสร้าง 

เหล็กเส้นคุณภาพช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของคอนกรีต ลดความเสี่ยงต่อการถล่มหรือเสียหายจากการใช้งานหนัก


2. ตอบโจทย์มาตรฐานก่อสร้าง

เหล็กเส้นคุณภาพดีมักผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น มอก. ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าวัสดุนั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับงานก่อสร้าง


3. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

แม้ว่าราคาของเหล็กเส้นคุณภาพอาจสูงกว่า แต่ช่วยลดความเสี่ยงในการซ่อมแซมและเปลี่ยนวัสดุในอนาคต


4. เพิ่มประสิทธิภาพในงานก่อสร้าง

เหล็กเส้นคุณภาพดีมีความยืดหยุ่นและสามารถใช้งานได้ง่าย ช่วยให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว


5. ลดความเสียหายจากสภาพแวดล้อม

เหล็กเส้นคุณภาพสูงมักทนต่อการกัดกร่อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ช่วยยืดอายุการใช้งานของโครงสร้าง



ข้อแตกต่างระหว่างเหล็กเส้นกลมและเหล็กข้ออ้อย

เหล็กเส้น เป็นวัสดุก่อสร้างที่มีบทบาทสำคัญในงานโครงสร้าง โดยสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ เหล็กเส้นกลมและเหล็กข้ออ้อย ซึ่งมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้:


1. ลักษณะพื้นผิว

เหล็กเส้นกลม (Round Bar) : มีพื้นผิวเรียบ ไม่มีร่องหรือบั้ง ทำให้แรงยึดเกาะระหว่างเหล็กเส้นกับคอนกรีตต่ำกว่า จึงเหมาะกับงานที่ไม่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น โครงสร้างเบาหรือส่วนประกอบที่ไม่ได้รับน้ำหนักมาก

เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar) : มีพื้นผิวเป็นร่องหรือบั้งช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะระหว่างเหล็กและคอนกรีต จึงเหมาะกับงานโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น อาคารสูงหรือสะพานที่ต้องการรองรับแรงมาก


2. ความสามารถในการรับแรง

เหล็กเส้นกลม : มีความยืดหยุ่นสูงกว่า จึงเหมาะกับงานที่ต้องการการดัดงอหรือขึ้นรูปง่าย เช่น งานเหล็กดัดในโครงสร้างชั่วคราว

เหล็กข้ออ้อย : รับแรงดึงและแรงกดได้ดีกว่าเหล็กเส้นกลม เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความมั่นคงสูง เช่น ฐานราก เสา หรือคานในโครงสร้างหลัก


3.การใช้งาน

เหล็กเส้นกลม : ใช้ในงานก่อสร้างที่เน้นความง่ายและประหยัด เช่น งานปูกระเบื้อง เสาเข็มขนาดเล็ก หรือรั้วบ้าน

เหล็กข้ออ้อย : นิยมใช้ในงานก่อสร้างขนาดใหญ่และต้องการความทนทาน เช่น อาคารสูง โรงงาน หรือสะพาน


4. มาตรฐานและขนาด

เหล็กเส้นกลม (Round Bar) : ผลิตตามมาตรฐาน มอก. 20-2559 มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 6 มม. ถึง 25 มม.

เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar) : ผลิตตามมาตรฐาน มอก. 24-2559


ผลกระทบจากเหล็กเส้นที่ไม่ได้คุณภาพ

1. โครงสร้างร้าวหรือพังทลาย: เหล็กเส้นที่ไม่ได้มาตรฐานอาจมีจุดบกพร่องภายใน ทำให้ไม่สามารถรับแรงได้เต็มที่ นำไปสู่การทรุดตัวหรือพังทลายของโครงสร้างในที่สุด

2. การกัดกร่อนและสนิม: เหล็กเส้นคุณภาพต่ำมักมีคุณสมบัติในการต้านทานการกัดกร่อนไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เกิดสนิมได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งจะลดประสิทธิภาพในการรับแรงและทำลายคอนกรีตโดยรอบ

3. อายุการใช้งานสั้นลง: โครงสร้างที่ใช้เหล็กเส้นไร้คุณภาพจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือรื้อถอนก่อนเวลาอันควร

4. ค่าใช้จ่ายบานปลาย: การแก้ไขปัญหาที่เกิดจากเหล็กเส้นไม่ได้คุณภาพนั้นมีราคาแพงกว่าการลงทุนกับเหล็กเส้นที่ดีตั้งแต่แรกมากนัก ทั้งค่าแรง ค่าวัสดุ และเวลาที่เสียไป



การตรวจสอบคุณภาพเหล็กเส้นก่อนการใช้งาน

การตรวจสอบคุณภาพของเหล็กเส้นในงานก่อสร้างเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าเหล็กที่นำมาใช้งานมีคุณภาพตรงตามมาตรฐานและสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างปลอดภัย รายละเอียดการตรวจสอบมีดังนี้:


1. ตรวจสอบฉลากสินค้า

เหล็กเส้นควรมีฉลากหรือเครื่องหมายบ่งบอกชื่อผู้ผลิต ขนาด และมาตรฐานที่ผลิต เช่น มอก. 20-2559


2. ตรวจสอบความเรียบร้อยของเหล็กเส้น

เหล็กเส้นต้องไม่มีรอยสนิม รอยแตกร้าว หรือรอยตำหนิอื่นๆ เช่น การบิดงอ แตกหัก ที่อาจลดทอนคุณสมบัติทางกล


3. ตรวจสอบขนาดและน้ำหนัก

ใช้เครื่องมือวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กเส้น และเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานที่กำหนด

น้ำหนักเหล็กเส้นควรอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรฐาน 

ตรวจสอบขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางและน้ำหนักต่อหน่วยยาวให้ตรงกับแบบก่อสร้าง


4. ตรวจสอบคุณสมบัติทางกล

  • ความต้านทานการยืดหยุ่น (Yield Strength) ค่าความยืดหยุ่นที่เหล็กสามารถทนต่อแรงดึงได้ โดยที่ยังคงไม่เกิดการเปลี่ยนรูปถาวรหรือแตกหัก
  • ความต้านทานแรงดึงสูงสุด (Tensile Strength) ค่าความต้านทานแรงดึงสูงสุดที่เหล็กสามารถรับได้เมื่อได้รับแรงดึงจนขาด
  • การยืดตัว (Elongation) การยืดตัวที่เกิดขึ้นก่อนที่เหล็กจะขาด โดยปกติจะวัดเป็นเปอร์เซ็นต์จากความยาวเริ่มต้นของเหล็ก
  • การทดสอบการบิด (Bend Test) เหล็กที่มีความแข็งแรงสูงจะทนต่อการบิดงอได้ดี โดยไม่เกิดการร้าวหรือแตกหัก
  • การทดสอบความแข็ง (Hardness Test) วัดความแข็งของเหล็กที่เกี่ยวข้องกับการทนทานต่อการขีดข่วนหรือการถูกกระแทก


5. ตรวจสอบคุณสมบัติทางเคมี

วิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี เช่น คาร์บอน แมงกานีส และซิลิคอน เพื่อให้แน่ใจว่าเหล็กเส้นมีส่วนผสมที่เหมาะสม


6. ตรวจสอบลักษณะผิวเหล็กข้ออ้อย

ตรวจสอบลายข้ออ้อยว่ามีระยะและรูปแบบตรงตามมาตรฐาน เพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะกับคอนกรีต


7. การตรวจสอบตามมาตรฐาน

ตรวจสอบว่าเหล็กเส้นมีใบรับรองคุณภาพ (Mill Certificate) จากโรงงานผู้ผลิตที่ผ่านมาตรฐาน เช่น มอก. หรือ ASTM


8. การเก็บรักษาและจัดเก็บ

เหล็กเส้นควรเก็บไว้ในพื้นที่แห้งและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความชื้นหรือสารเคมีที่อาจทำให้เกิดสนิม


การพิจารณาต้นทุนและราคา

การพิจารณาต้นทุนและราคาควรคำนึงถึงทั้งราคาวัสดุ ต้นทุนรวมในการใช้งาน ความคุ้มค่าในระยะยาว และผลกระทบต่อแผนงานโครงการ เพื่อให้การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างเหมาะสมและประหยัดงบประมาณโดยไม่ลดทอนคุณภาพและความปลอดภัยของโครงสร้าง

สรุปบทความ

การเลือกใช้และตรวจสอบคุณภาพเหล็กในงานก่อสร้างเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีผลต่อความแข็งแรงและความปลอดภัยของโครงสร้าง การตรวจสอบคุณภาพเหล็กก่อนการใช้งานรวมถึงการตรวจสอบเอกสาร รับรองมาตรฐาน การตรวจสอบลักษณะภายนอก การวัดขนาด ตลอดจนการทดสอบทางกายภาพ เพื่อให้มั่นใจในคุณสมบัติของเหล็กตามข้อกำหนด นอกจากนี้ การพิจารณาต้นทุนอย่างรอบคอบจะช่วยให้โครงการก่อสร้างประสบความสำเร็จและมีความมั่นคงในระยะยาวอีกด้วย


โกลบอลเฮ้าส์ คลังเหล็กคุณภาพดีและมีมาตรฐาน มีทั้งเหล็กสำหรับงานโครงสร้างและตกแต่งที่หลากหลายรูปแบบ หากคุณกำลังมองหาเหล็กคุณภาพดี ราคาคุ้มค่า มีให้เหลือกหลากหลาย ต้องที่โกลบอลเฮ้าส์ ทุกสาขาทั่วประเทศ


คุ้มค่าไปอีกขั้นแค่ สมัครสมาชิกโกลบอลคลับ ฟรี พร้อมรับสิทธิพิเศษ สำหรับ สมาชิกโกลบอลคลับ เพียงช้อปครบ 50 บาท รับ 1 คะแนน สะสมโกลบอลคลับสะสมคะแนน เพื่อแลกเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า ที่โกลบอลเฮ้าส์ทุกสาขา ทั่วประเทศ


สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม 1,000 คะแนน แลกรับคูปองแทนเงินสด 100 บาท

สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม 9,000 คะแนน แลกรับคูปองแทนเงินสด 1,000 บาท

สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม แลกซื้อเครื่องดื่ม ที่ลามายอนคอฟฟี่ทุกสาขา

สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ ใช้คะแนนนจ่ายแทนเงินสดที่ร้านค้าถุงเงิน ผ่าน แอป Global House Click&Collect อ่านเพิ่ม >> พอยท์เพย์ คลิก <<


Global House จัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และของตกแต่งบ้าน ให้คุณครบจบในที่เดียว


เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่


ช่องทางติดต่อ บริการช่างดี




เนื้อหาที่คล้ายกัน