img


สรุปครบกฎหมายถมดินสร้างบ้าน ถมอย่างไรให้ถูกต้องและปลอดภัย

ก่อนที่จะสร้างบ้าน หลายๆครอบครัวเลือกที่จะถมดินสร้างบ้าน เพื่อช่วยยกระดับให้พื้นที่สูงขึ้น ซึ่งช่วยป้องกันปัญหาน้ำท่วมในอนาคต นอกจากนี้การถมที่ดินก่อนสร้างบ้านยังมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโพรงใต้บ้านได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่จะถมดินสร้างบ้าน จะต้องมีการศึกษาข้อกฎหมายถมที่ดินอย่างถี่ถ้วน เพื่อที่จะได้ถมที่ดินอย่างถูกต้อง และไม่เกิดปัญหาในภายหลัง บทความนี้ Global House จะชวนทุกคนไปดูว่าหากต้องการถมที่ดินให้ถูกกฎหมายจะต้องปฎิบัติอย่างไร 

ก่อนถมที่ดิน-ขุดดิน ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม

ถมดินสร้างบ้าน หรือการขุดดินนั้นจะต้องดำเนินตามขั้นตอนตามที่กฎหมายถมที่ดินกำหนดไว้ ตามพระราชบัญญัติการขุดดินและถมดิน พ.ศ. 2543 เพื่อควบคุม ดูแลให้มีความเป็นระเบียบ และไม่เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ซึ่งก่อนที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่จะต้องมีการเตรียมเอกสารให้พร้อม และมีค่าธรรมเนียมสำหรับดำเนินการด้วย  ดังนี้

1. เอกสารสำคัญที่ต้องใช้

  • แผนผังที่ดินที่ต้องการขุด

  • แผนผังแสดงเขตที่ดิน และแผนผังที่แสดงเขตที่ดินบริเวณข้างเคียง

  • รายการที่กําหนดไว้ในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 6 

  • วิธีที่ใช้ในการขุดดิน และวิธีในการขนย้าย

  • ระยะเวลาในการดำเนินการขุดดิน

  • รายชื่อผู้ที่ควบคุมงาน โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดตามกฎกระทรวงด้วย

  • ที่ตั้งสํานักงานของผู้แจ้ง

  • ภาระผูกพันต่างๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ต้องการขุด

  • เอกสารและรายละเอียดอื่นๆ ที่คณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

2. ค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ

  • ค่าธรรมเนียมใบรับแจ้งการขุดดินหรือถมที่ดิน ครั้งฉบับละ 2,000 บาท

  • ค่าธรรมเนียมการอนุญาต เรื่องละ 20 บาท

  • ค่าคัดสําเนาหรือถ่ายเอกสาร หน้าละ 5 บาท

ข้อกฎหมายที่ว่าด้วยการถมดินสร้างบ้าน

ก่อนที่จะทำการถมดินสร้างบ้าน ควรรู้กฎหมายถมที่ดินก่อน เพื่อที่จะได้ปฎิบัติได้อย่างถูกต้อง ไม่ผิดกฎหมาย และไม่มีปัญหากับเพื่อนบ้านข้างเคียง สำหรับกฎหมายการขุดดินและถมดิน ตามพระราชบัญญัติการขุดดินและถมดิน พ.ศ. 2543 แบ่งออกเป็น 2 เรื่อง คือ การถมที่ดิน และการขุดดิน ดังนี้ 

การถมที่ดิน

  • การถมที่ดิน ที่มีพื้นที่เกิน 2,000 ตารางเมตร ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทราบก่อน

  • เมื่อต้องการถมที่ดินสูงกว่าเนินดินของพื้นที่ข้างเคียง โดยพื้นที่ถมที่ดินไม่เกิน 2,000 ตารางเมตร ต้องวางแบบแปลน ให้มีการระบายน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้พื้นที่ข้างเคียงเกิดความเดือดร้อน 

  • หากการถมที่ดินไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ผู้ถมที่ดินจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบการกระทำของลูกจ้าง หรือตัวแทน

การขุดดิน

  • เมื่อต้องมีการขุดดินที่ลึกจากระดับพื้นที่ดิน เกิน 3 เมตร ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในเขตนั้นๆ ทราบก่อนเสมอ และจะต้องขุดดินตามที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำหนดเท่านั้น

  • มีการขุดดิน โดยมีพื้นที่ปากบ่อดินเกิน 10,000 ตารางเมตร หรือมีความลึกพื้นที่ตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นประกาศกำหนด ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในเขตนั้นๆ ทราบก่อนเสมอ

  • หากต้องการขุดดินที่มีระดับความลึกไม่เกิน 3 เมตร ห้ามอยู่ใกล้แนวเขตที่ดินของผู้อื่น หากขุดดินใกล้แนวเขตที่ดินของผู้อื่น ในระยะน้อยกว่า 2 เท่าของความลึกของบ่อดินที่จะขุดดิน ต้องมีแนวทางในการป้องกันการพังทลายด้วย เพื่อป้องกันดินพังทลายสู่พื้นที่ข้างๆ 

  • การขุดบ่อน้ำใช้ ที่มีพื้นที่ปากบ่อไม่เกิน 4 ตารางเมตร ผู้ขุดไม่จำเป็นต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

  • เมื่อขุดเจอโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ซากดึกดำบรรพ์ หรือแร่ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ จะต้องหยุดการขุดดิน และแจ้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้ทราบภายใน 7 วัน เพื่อแจ้งกรมศิลปากร หรือกรมทรัพยากรธรณี

ระยะเวลาในการออกใบแจ้งถมดิน ขุดดิน

  • ขั้นตอนในการตรวจสถานที่ขุดดิน ถมดิน ระยะเวลา 1 วัน

  • ขั้นตอนในการตรวจสอบเอกสาร หลักฐานต่างๆในการพิจารณารับแจ้ง ระยะเวลา 2 วัน
  • ขั้นตอนในการตรวจสอบแบบแปลนต่างๆระยะเวลา 1 วัน
  • ขั้นตอนในการออกใบรับแจ้ง ระยะเวลา 1 วัน

ก่อนถมดินสร้างบ้านควรเช็กอะไรบ้าง

การถมดินสร้างบ้านเป็นการเตรียมความพร้อมในการก่อสร้าง นอกจากจะต้องทำตามกฎหมายถมที่ดินแล้ว จะต้องมีการตรวจเช็กในเบื้องต้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบพื้นที่บริเวณข้างเคียง หรือประวัติน้ำท่วม เพื่อที่จะได้วางแผนถมที่ดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. เช็กระดับพื้นที่ดินบริเวณข้างเคียง

ก่อนที่จะถมที่ดินจะต้องทำการสำรวจพื้นที่ดินบริเวณรอบๆ ก่อนเสมอ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายถมดินสูงกว่าที่ดินใกล้เคียง และใช้ในการกำหนดระยะความสูงที่จะถมที่ให้มีความเหมาะสม รวมถึงต้องมีการสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วย เช่น ระดับของพื้นถนน และระดับน้ำที่ท่วมถึง เพื่อนำมาเปรียบเทียบกันว่าควรถมดินสูงระดับใด แล้วเลือกถมดินให้มีความสูงที่พอเหมาะ ซึ่งโดยปกติแล้วความสูงของการถมที่ดินจะสูงกว่าถนนประมาณ 50 – 80 เซนติเมตร แต่ในกรณีที่พื้นที่นั้นๆ มีอัตราในการยุบตัวที่สูง ควรถมให้สูงถึง 1 เมตร เพื่อป้องกันการยุบตัวในอนาคต 

2. ประวัติเรื่องน้ำท่วมของที่ดินบริเวณดังกล่าว

ประวัติเรื่องน้ำท่วม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องมีการสำรวจ หรือสอบถามจากคนในพื้นที่ก่อนเสมอ เพราะหากพื้นที่ที่ต้องการถมดินมีปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี หรือมีปัญหาน้ำขังเมื่อฝนตกหนัก จะทำให้เกิดปัญหาดินอ่อนตัวสูง หรือดินด้านล่างเป็นดินโคลน ทำให้ต้องมีการถมดินมากกว่าปกติ แล้วอัดดินให้แน่น เพื่อลดโอกาสที่ดินจะทรุดตัว

ขั้นตอนการถมดินสร้างบ้านที่ควรรู้

การถมดินสร้างบ้านเหมือนจะเป็นเรื่องที่ง่าย แต่จริงๆ แล้วมีข้อกำหนดตามกฎหมายที่ต้องปฎิบัติตามมากมาย อีกทั้งยังต้องมีการสำรวจพื้นที่ก่อนเสมอ เพื่อที่จะได้ถมที่ดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องรู้จักกับประเภทของดิน วิธีการถม เพื่อที่จะได้เลือกให้เหมาะสมกับพื้นที่ 

ประเภทของดินที่ใช้ถม

การถมดินสร้างบ้านเป็นการปรับพื้นที่ดินให้อยู่ในระดับที่มีความเหมาะสม และมีระดับที่ได้มาตรฐาน เหมาะที่จะก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้าน โรงเรือน หรืออาคารพาณิชย์ ซึ่งก่อนที่จะถมดินสร้างบ้านนอกจากจะถมให้ได้ระดับสูงที่ดีแล้ว จะต้องรู้จักประเภทของดินด้วย เพื่อที่จะได้เลือกดินที่มีความเหมาะสมกับการก่อสร้าง ซึ่งประเภทของดินที่จะมาแนะนำให้รู้จักมีดังนี้

  • ดินทั่วไป เป็นประเภทของดินที่นิยมนำมาถมดินสร้างบ้าน เพราะเนื้อดินมีลักษณะที่เนื้อแน่น เหมาะกับการวางรากฐานของสิ่งก่อสร้าง อีกทั้งยังมีราคาไม่สูง 

  • ดินร่วน เป็นหน้าดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ เนื้อดินจะมีความละเอียดนุ่ม อีกทั้งเมื่อแห้งแล้วยังมีความแข็งตัวพอประมาณ ซึ่งช่วยเสริมสร้างรากฐานให้มีความแข็งแรงได้ ที่สำคัญยังมีคุณสมบัติที่สามารถระบายน้ำได้ดี ทำให้เหมาะกับการเพาะปลูก การใช้ดินร่วนในการถมที่ก็จะช่วยให้พื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ สามารถปลูกต้นไม้ ผัก และผลให้เจริญเติบโตได้ดี แต่ราคาจะแพงกว่าดินอื่นๆ 

  • ดินทราย เป็นดินที่ประกอบไปด้วยทรายประมาณ 70% ทำให้ไม่มีความหนาแน่น และไม่อุ้มน้ำ หากต้องการนำดินทรายมาถมที่ดินจะต้องมีการบดอัดให้มีความแน่นเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้พื้นที่มีความหนาแน่นและมั่นคงมากขึ้น สำหรับดินทรายเป็นดินที่มีคุณสมบัติที่สามารถป้องกันดินไหลไปยังพื้นที่ข้างเคียงได้ ทำให้สิ่งก่อสร้างไม่มีปัญหาการทรุดตัวนั่นเอง 

  • ดินทรายหยาบ เป็นประเภทของดินทรายที่มีสัดส่วนของหินที่มีลักษณะแข็ง และก้อนใหญ่ขึ้น ทำให้มีความหนาแน่นสูง และแข็งแรง จึงนิยมนำไปใช้กับสิ่งก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูง อย่างโครงสร้างสะพาน อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 

  • หินคลุก เป็นหินธรรมชาติที่ผ่านกระบวนการบดหรือทุบให้แตกเป็นชิ้นเล็กๆ โดยทั่วไปแล้วแบ่งตามขนาดเป็น 3 ประเภท คือ ขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ซึ่งหินคลุกนั้นมีคุณสมบัติแข็งแรง คงทน ทนต่อการกัดเซาะ และสามารถยึดเกาะกับพื้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงนิยมใช้สำหรับงานก่อสร้างทั่วไป งานป้องกันการกัดเซาะ และงานถมดิน 

  • ดินลูกรัง เป็นดินที่มีส่วนผสมของดินทราย ดินร่วน และหิน ซึ่งพบได้ในชั้นลูกรัง ชั้นกรวด ชั้นเศษหิน หรือชั้นหินพื้น ด้วยลักษณะความแข็งของหิน ทำให้ดินลูกรังเป็นประเภทของดินที่มีความหนาแน่นสูง ทำให้สามารถบดอัดได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการใช้งานในการสร้างถนนคอนกรีต ลานจอดรถ หรือสร้างโรงงาน แต่ไม่เหมาะกับการใช้ถมดินสร้างบ้าน เพราะเป็นดินที่เก็บกักความร้อนได้สูง ทำให้พื้นที่มีความร้อน

  • ดินดาน สำหรับดินดานเป็นประเภทของดินที่มีความหนาแน่นสูง สามารถบดอัดได้เป็นอย่างดี ทำให้เหมาะกับการถมดินสร้างบ้านริมน้ำ หรือทำถนน เพราะไม่เกิดปัญหาการทรุดตัว รองรับสิ่งปลูกสร้างให้มีความหนาแน่น

  • ดินเหนียว ดินเหนียวเป็นดินที่เมื่อแห้งจะมีเนื้อละเอียด แข็ง และแตกเป็นก้อน แต่เมื่อสภาพดินเปียกจะมีความยืดหยุ่น ปั้นเป็นก้อนหรือคลึงเป็นเส้นยาวได้ ซึ่งดินเหนียวนั้นสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย แม้จะบดอัดได้ไม่ดีเท่ากับดินประเภทอื่นๆ แต่ก็สามารถใช้ถมดินสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้

วิธีถมดินสร้างบ้านที่นิยมใช้


การถมดินสร้างบ้านถือเป็นเรื่องที่ต้องให้มีความสำคัญ เพราะถือว่าเป็นการวางรากฐานของบ้านให้มีความหนาแน่น และมีความแข็งแรง เพื่อที่จะได้สามารถรองรับสิ่งก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการถมดินสร้างบ้านนั้นมีรูปแบบในการถมที่ 2 แบบ คือ การถมดินแบบอัด และการถมดินแบบไม่อัด ดังนี้

การถมดินแบบอัด

การถมดินแบบอัดเป็นรูปแบบการถมที่ดินที่จะมีการเทดินทีละชั้น และทำการบดอัดสลับกันไปเรื่อยๆ ทีละชั้น จนกว่าจะได้ความสูงในระดับที่ต้องการ ซึ่งการถมดินแบบอัดนั้นมีความหนาแน่นที่ดี ทำให้ลดโอกาสของการทรุดตัวของดินได้เป็นอย่างดี 

ขั้นตอนการถมดินแบบอัด

  1. การเตรียมพื้นที่ เริ่มจากปรับระดับพื้นดินที่ให้เรียบ โดยเอาสิ่งกีดขวางออก 

  2. การถมดินเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นมีความหนาประมาณ 20-50 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับประเภทของดิน

  3. การบดอัดดิน ใช้รถบดอัดดิน โดยบดอัดดินแต่ละชั้นให้แน่น พร้อมทั้งตรวจสอบความหนาแน่นของดินด้วยเครื่องวัดความหนาแน่นดิน 

  4. การรดน้ำ รดน้ำดินให้ชุ่ม เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดการแตกร้าวของดิน

  5. การถมดินและบดอัดดินซ้ำ ทำซ้ำในขั้นตอน 2-4 จนกว่าจะได้ระดับดินตามต้องการ

ข้อดี-ข้อเสียของการถมดินแบบอัด

ข้อดี

  • ดินมีความแน่นแข็ง ลดการทรุดตัว

  • รองรับน้ำหนักสิ่งก่อสร้างได้ดี

  • พื้นดินมีความเสถียร ไม่ยุบตัวง่าย

  • เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการถมดินหนาๆ

ข้อเสีย

  • ใช้เวลานานและต้องใช้เครื่องมือพิเศษ

  • มีค่าใช้จ่ายสูง

การถมดินแบบไม่อัด

ถมดินสร้างบ้านแบบไม่อัด เป็นรูปแบบของการถมดินที่จะถมให้ได้ระดับที่ต้องการในคราวเดียว แล้วทำการบดอัดเฉพาะด้านหน้าผิวดินเท่านั้น ซึ่งการถมดินแบบไม่อัด นิยมใช้กับการถมดินที่ไม่ต้องการระดับที่สูงมากนัก โดยทั่วไปจะนิยมใช้ในพื้นที่ที่ไม่ต้องการรับน้ำหนักโครงสร้างขนาดใหญ่ ถมดินสร้างบ้านแบบไม่อัดนี้มักจะทำให้เกิดปัญหาการทรุดตัวตามมา อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดปัญหาโพรงใต้บ้าน และเป็นหลุมเป็นบ่อได้ 

ขั้นตอนการถมดินแบบไม่อัด

  1. เตรียมพื้นที่ โดยกำจัดสิ่งปฏิกูล รากไม้ และเศษวัสดุอื่นๆ ออกให้หมด

  2. ปรับระดับพื้นดินให้เรียบเสมอกัน

  3. ถมดินให้ได้ระดับที่ต้องการ

  4. รดน้ำให้ดินชุ่มน้ำ เพื่อช่วยให้ดินเกาะตัวกัน 

  5. ทิ้งไว้ให้ดินทรุดตัว โดยทั่วไปแล้ว ดินจะทรุดตัวประมาณ 10% ของความสูงที่ถม

  6. บดอัดผิวดินให้เรียบ

ข้อดี-ข้อเสียของการถมดินแบบไม่อัด

ข้อดี

  • ใช้งบประมาณน้อย เพราะไม่ต้องเสียค่าจ้างรถบดอัดดิน

  • ทำงานได้รวดเร็ว

ข้อเสีย

  • ดินที่ถมลงไป จะมีช่องว่างอากาศอยู่มาก ทำให้ดินทรุดตัวได้ง่าย

  • ไม่เหมาะกับการถมดินเพื่อรองรับโครงสร้างขนาดใหญ่

  • ไม่เหมาะกับการถมดินในพื้นที่ที่มีน้ำใต้ดินสูง

สรุปบทความ

การถมดินสร้างบ้านนั้นเป็นการเตรียมพื้นดินให้มีความพร้อม เพื่อรองรับโครงสร้างของบ้าน เพื่อช่วยให้พื้นดินบริเวณที่ต้องการสร้างบ้านนั้นมีความหนาแน่น ไม่เกิดปัญหาดินทรุด และลดโอกาสในการเกิดโพรงใต้บ้าน ซึ่งการถมที่ดินนั้นจะต้องทำตามกฎหมายถมที่ดิน เพื่อให้ป้องกันการทรุดตัว และไม่ทำให้เกิดปัญหากับเพื่อนบ้านข้างเคียง สำหรับใครถมที่ดินเตรียมความพร้อมในการสร้างบ้านเรียบร้อยแล้ว และกำลังมองหาวัสดุในการก่อสร้าง ที่ Global House เป็นศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างครบวงจร ที่มีทั้งวงกบ ประตูไม้สังเคราะห์ แผ่นฝ้าเพดาน หลังคา ปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น ลวด ของใช้ในครัว และของแต่งบ้านและสวนมากมาย ในราคาที่ถูกที่สุด 

สินค้าโครงสร้าง

คุ้มค่าไปอีกขั้นแค่ สมัครสมาชิกโกลบอลคลับ ฟรี พร้อมรับสิทธิพิเศษ สำหรับ สมาชิกโกลบอลคลับ เพียงช้อปครบ 50 บาท รับ 1 คะแนน สะสมโกลบอลคลับสะสมคะแนน เพื่อแลกเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า ที่โกลบอลเฮ้าส์ทุกสาขา ทั่วประเทศ

  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม 1,000 คะแนน แลกรับคูปองแทนเงินสด 100 บาท

  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม 9,000 คะแนน แลกรับคูปองแทนเงินสด 1,000 บาท

  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม แลกซื้อเครื่องดื่ม ที่ลามายอนคอฟฟี่ทุกสาขา

Global House จัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และของตกแต่งบ้าน ให้คุณครบจบในที่เดียว

เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่

บริการช่างดี




เนื้อหาที่คล้ายกัน