img


เจาะลึกแผ่นไม้ปูพื้น 5 ชนิด เลือกอย่างไรให้เหมาะกับดีไซน์บ้าน

การเลือกใช้แผ่นไม้ปูพื้นห้องนั้นช่วยให้บรรยากาศภายในห้องมีความอบอุ่น ผ่อนคลาย และมีความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งลวดลายของไม้ที่มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ พร้อมด้วยสัมผัสที่มีความนุ่มนวล สบาย นอกจากนี้แผ่นไม้ปูพื้นยังเป็นวัสดุที่สามารถเข้ากับบ้านได้หลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะแต่งด้วยสไตล์ที่หรูหรา หรือบ้านสไตล์มินิมอล วัสดุไม้ก็ช่วยทำให้องค์ประกอบภายในบ้านนั้นสวยงาม ลงตัว ซึ่งนอกจากไม้จริงแล้ว ในปัจจุบันยังมีแผ่นไม้เทียมปูพื้นที่ผลิตออกมา เพื่อตอบโจทย์ให้สามารถใช้งานได้ง่าย มีความทนทาน และสามารถทำความสะอาดได้ง่าย บทความนี้ Global House จะชวนไปรู้จักกับไม้ปูพื้น 5 ชนิด เพื่อที่จะได้เลือกใช้งานให้มีความเหมาะสมกับบ้านของตัวเอง 

ลักษณะของแผ่นไม้ปูพื้นเป็นอย่างไร

ไม้ เป็นวัสดุจากธรรมชาติที่มีความสวยงามเฉพาะตัว พร้อมด้วยลายไม้ที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนกันในแต่ละแผ่น อีกทั้งยังมีความสวยงาม เข้ากับบ้านได้หลายสไตล์ แผ่นไม้ปูพื้นจึงตอบโจทย์การใช้งาน นอกจากไม้จริงแล้วในปัจจุบันยังมีการผลิตแผ่นไม้เทียมปูพื้นออกมา เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งแผ่นไม้เทียมปูพื้นก็จะมีลักษณะเป็นชั้นๆ ดังนี้

  • ชั้นบนสุด (Wear Layer) ชั้นบนสุดของแผ่นไม้เทียมปูพื้นนั้นจะเป็นการเคลือบผิวด้วยวัสดุที่ช่วยให้แผ่นไม้มีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถกันน้ำได้ดี ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการเคลือบนั้นมีทั้ง PVC และPolyurethane
  • ชั้นกลาง (Middle Layer) ในส่วนของไม้ชั้นกลางนั้นเป็นชั้นที่เป็นวัสดุหลักที่ใช้ในการทำแผ่นไม้เทียม ซึ่งในส่วนนี้ก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชนิดของไม้เทียม ซึ่งจะมีตั้งแต่ไวนิล โฟม โพลิเมอร์  และพลาสติก ซึ่งวัสดุที่นำมาใช้ก็จะให้คุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป 
  • ชั้นล่างสุด (Bottom Layer) ชั้นล่างสุดของแผ่นไม้เทียมนั้นเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการเสริมความแข็งแรง

ทำความรู้จักกับแผ่นไม้ปูพื้นทั้ง 5 ชนิด

การเลือกใช้แผ่นไม้ปูพื้นนอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังช่วยให้ความรู้สึกสบาย อบอุ่น และผ่อนคลายเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีไม้ให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งไม้จริง และวัสดุทดแทนจากธรรมชาติ ซึ่งไม้ปูพื้นทั้ง 5 ชนิดที่จะมาแนะนำในวันนี้ เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

1. พื้นไม้จริง

แผ่นไม้ปูพื้นจากไม้จริงนั้นเป็นวัสดุที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเลือกเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สักไม้แดง ไม้มะค่า ไม้ประดู่ และไม้เต็งรัง เพราะเนื้อไม้ที่แข็งนั้นสามารถทนต่อสภาพอากาศได้ดีกว่าไม้เนื้ออ่อน อีกทั้งยังมีความปลอดภัย และปลวกแมลงกัดแทะได้ยาก ซึ่งการเลือกใช้ไม้จริงก็จะให้สีที่มีความแตกต่างกันออกไปตามพันธุ์ไม้ ส่วนลวดลายที่ได้ก็จะมีความสวยงามเฉพาะแบบ ไม่เหมือนกัน 

จุดเด่นของพื้นไม้จริง

  • ให้ความรู้สึกสบาย เหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
  • ให้สัมผัสที่มีความนุ่มนวล เรียบลื่น
  • มีสีสัน และลวดลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร
  • แข็งแรง ทนทาน สามารถใช้งานได้ยาวนาน 

ข้อจำกัดของพื้นไม้จริง

  • ไม้จริงเป็นวัสดุที่มีราคาค่อนข้างสูง
  • ไม่ทนต่อสภาพอากาศ ไม่เหมาะกับการปูพื้นภายนอกอาคาร
  • เกิดปัญหายืดและหดตามสภาพอากาศ
  • หากไม่มีการลงน้ำยาที่ดี อาจทำให้เกิดปัญหาปลวกและแมลงได้

2. พื้นไม้เอ็นจิเนียร์

ไม้เอ็นจิเนียร์เป็นแผ่นไม้ปูพื้นที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน สำหรับไม้เอ็นจิเนียร์เป็นไม้จริงที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ช่วยให้มีความแข็งแรงทนทานมากขึ้น โดยไม้เอ็นจิเนียร์นั้น จะใช้ไม้ที่มีขนาด 3 มิลลิเมตร อัดประกบไม้เนื้อแข็ง โดยใช้วิธีอัดสลับกับเสี้ยนไม้ หลังจากนั้นก็จะทำการเคลือบทับด้วยยูวีอะคริลิคแลคเกอร์อีกชั้น เพื่อให้ไม้มีความเงางาม และช่วยป้องกันไม่ไห้เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย นอกจากนี้ในกระบวนการผลิตยังมีการอัดน้ำยากันปลวกด้วย 

จุดเด่นของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์

  • ลวดลายของไม้มีความสวยงาม ตามธรรมชาติ
  • ไม้เอ็นจิเนียร์เป็นไม้ที่นิยมใช้ไม้จากป่าปลูก ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • ไม่หดหรือยืดตามสภาพอากาศ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องไม้โก่งตัว
  • มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับไม้จริงมากที่สุด แต่ราคาถูกกว่า

ข้อจำกัดของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์

  • ไม่สามารถขัดและทำสีซ้ำได้
  • เมื่อเกิดรอยขีดข่วนไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะผิวเคลือบมีความบาง

3. พื้นไม้ลามิเนต

ไม้ลามิเนตเป็นไม้สังเคราะห์ที่จะทำการบีบอัดกัน ซึ่งไม้ลามิเนตนั้นมีทั้งหมด 5 ชั้น ดังนี้

  • ชั้นที่ 1 เป็นผิวเคลือบหน้าไม้ ช่วยให้ผิวไม้มีความแข็งแรง ทนต่อการขีดข่วน
  • ชั้นที่ 2 เป็นการพิมพ์ลวดลายของไม้ ซึ่งทำให้ได้ลวดลายที่มีความคล้ายคลึงกับไม้จริง
  • ชั้นที่ 3 ในชั้นที่สามนั้นจะเป็นชั้นของเนื้อไม้ ซึ่งจะทำมาจากไม้จริงผสมกับกาวเรซิน หลังจากนั้นก็จะนำมาผ่านกระบวนการอัดด้วยความร้อน เพื่อได้เนื้อไม้ที่เป็นเนื้อเดียวกัน 
  • ชั้นที่ 4 ในส่วนของชั้นที่ 4 นั้นจะเป็นการออกแบบให้ไม้มีรางลิ้น หรือระบบล็อก เพื่อช่วยให้ไม้สามารถติดตั้งได้ง่าย
  • ชั้นที่ 5 เป็นแผ่นปิดผิวชั้นล่างสุด เพื่อช่วยให้แผ่นไม้ปูพื้นลามิเนตนั้นมีความแข็งแรงมากขึ้น กันความชื้นได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของพื้นไม้ลามิเนต

  • ติดตั้งได้ง่ายด้วยระบบรางลิ้น ทำให้ไม่เสียเวลาในการปูพื้น
  • มีลวดลายของไม้ให้เลือกหลายแบบ
  • ราคาถูก 

ข้อจำกัดของพื้นไม้ลามิเนต

  • ไม้ลามิตนั้นเป็นผลิตจากไม้จริงผสมกาวทำให้ไม่ทนต่อปลวก
  • ไม่ทนต่อความชื้น อาจทำให้เกิดปัญหาไม้บวมน้ำได้
  • เมื่อเกิดรอยขีดข่วนจะทำให้ไม่สามารถแก้ไข หรือซ่อมแซมได้

4. กระเบื้องยางลายไม้

กระเบื้องยางลายไม้เป็นวัสดุปูพื้นที่ผลิตมาจาก PVC (Poly Vinyl Chloride) ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับการปูพื้นยางโดยเฉพาะ ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง และมีความแข็งแรง อีกทั้งยังมีลวดลายให้เลือกมากมายตามความชอบ และความต้องการได้อย่างลงตัว

จุดเด่นของกระเบื้องยางลายไม้

  • กระเบื้องยางลายไม้ผลิตจากโพลิเมอร์ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง
  • สามารถรองรับแรงกระแทกได้อย่างดี
  • ผิวสัมผัสยึดเกาะได้ดี และมีความหนืดทำให้ไม่ลื่นง่าย
  • สามารถติดตั้งได้ง่าย โดยไม่ต้องฉาบปูนเหมือนกับกระเบื้องประเภทอื่นๆ 

ข้อจำกัดของกระเบื้องยางลายไม้

  • สัมผัสไม่เหมือนกับไม้จริง
  • มีลวดลายของไม้ให้เลือกน้อย
  • ผิวเคลือบด้านบนสุดเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย

5. ไม้ปาร์เก้ 

ไม้ปาร์เก้เป็นแผ่นไม้ปูพื้นที่ทำมาจากไม้จริง แต่จะเป็นไม้เศษที่เหลือจากการทำเฟอร์นิเจอร์ หรือไม้เศษที่เหลือจากการตัดไปทำเสาแล้ว ไม้ปาร์เก้จึงเป็นไม้ชิ้นเล็ก ๆ ที่จะมีขนาดยาวไม่เกิน 18 นิ้ว ซึ่งไม้เหล่านั้นจะเข้าสู่กระบวนการไล่ความชื้น ไส และตีลิ้นรอบตัว แล้วจึงนำมาทำแผ่นไม้ปูพื้น ไม้ปาร์เก้จึงได้มาจากไม้หลากหลายชนิด ตั้งแต่ไม้มะค่า ไม้วอลนัท ไม่สัก และไม้โอ๊ค 

จุดเด่นของไม้ปาร์เก้ 

  • ไม้ปาร์เก้นั้นผลิตจากไม้จริงที่เป็นเศษไม้เหลือจากการผลิตเฟอร์นิเจอร์ ทำให้มีราคาถูก
  • สามารถขัดและทำสีได้ซ้ำๆ หลายครั้ง
  • ให้ผิวสัมผัสที่ดี เพราะเป็นไม้จริง แต่ขนาดเล็กกว่าเท่านั้น

ข้อจำกัดของไม้ปาร์เก้ 

  • ด้วยขนาดที่เล็กทำให้การติดตั้งแผ่นไม้ปูพื้นจากไม้ปาร์เก้สามารถทำได้ยาก
  • พื้นผิวของไม้ปาร์เก้นั้นไม่ทนต่อรอยขีดข่วน ทำให้เกิดรอยได้ง่าย
  • สามารถเกิดอาการบวมน้ำได้ เพราะไม่ทนชื้น
  • ปริแตกได้ง่าย หรือเรียกว่า ปาร์เก้ระเบิด ซึ่งเกิดจากการปูพื้นที่ไม่ได้มาตรฐาน

วิธีการติดตั้งแผ่นไม้ปูพื้น

การติดตั้งแผ่นไม้ปูพื้นนั้นจะต้องเลือกรูปแบบในการติดตั้งให้มีความเหมาะสมกับรูปแบบของไม้ที่ใช้งาน เพื่อให้ติดตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ติดทนนาน ซึ่งการติดตั้งแผ่นไม้ปูพื้นนั้นมีด้วยกัน 3 วิธีหลักๆ ดังนี้

  1. 1. Click-lock เป็นรูปแบบการปูแผ่นไม้ปูพื้นที่ใช้ขอบลิ้นไม้เป็นตัวล็อกไม้แต่ละแผ่นให้เชื่อมติดกัน โดยไม่ใช้กาว ซึ่งการปูพื้นรูปแบบนี้จะช่วยให้ได้พื้นที่มีความเรียบ หากมีการใช้โฟมรองก่อนจะช่วยลดเสียงได้เป็นอย่างดี ซึ่งการติดตั้งแบบ Click-lock นั้นทำได้ง่าย สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
  2. 2. Dry Back การติดตั้งแบบ Dry Back เป็นรูปแบบการปูแผ่นไม้ปูพื้นที่จะทากาวที่พื้นก่อน ทำให้มีความแน่น ไม่หลุดได้ง่าย เหมาะสำหรับปูในบริเวณที่ใช้งานบ่อยๆ 
  3. 3. Peel and Stick เป็นการติดตั้งแผ่นไม้ปูพื้นโดยใช้กาว แต่ไม่ต้องรอเวลาให้กาวเซ็ทตัวแบบ  Dry Back แต่ชั้นกาวจะมีลักษณะเหมือนกับสติกเกอร์ ที่ลอกและสามารถปูพื้นได้เลย 

เลือกแผ่นไม้ปูพื้นอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

แผ่นไม้ปูพื้นเป็นวัสดุที่มีความหลากหลายทั้งลวดลายและสี ดังนั้นก่อนที่จะเลือกแผ่นไม้ปูพื้น ควรเลือกแผ่นไม้ให้มีความเหมาะสมกับสไตล์ของบ้าน เพื่อช่วยให้บ้านมีทิศทางไปในทิศทางเดียวกัน 

1. บ้านสไตล์ลอฟต์

บ้านสไตล์ลอฟต์เป็นบ้านที่เน้นการตกแต่งที่โชว์โครงสร้างของตัวบ้าน โดยจะเน้นไปที่การออกแบบด้วยปูนเปือย หรือมีการเดินสายไฟแบบเดินลอย เพื่อให้เห็นโครงสร้างชัดเจน ซึ่งบ้านสไตล์ลอฟต์นั้นจะมีความเท่ ความเก๋ในแบบของตัวเอง จึงควรเลือกแผ่นไม้ปูพื้นในโทนสีเข้ม ๆ อย่างสีดำ สีเทา หรือสีน้ำตาลเข้ม เพื่อช่วยให้มู้ดแอนด์โทนของบ้านนั้นไปในทิศทางเดียวกัน

2. บ้านสไตล์มินิมอล

การตกแต่งสไตล์มินิมอลเป็นการตกแต่งบ้านด้วยความเรียบง่าย เน้นของตกแต่งที่น้อยชิ้น โดยจะยึดคอนเซปต์ Less is more เป็นแนวทางในการตกแต่งบ้าน นอกจากนี้โทนสีที่ใช้เป็นสีอ่อน ๆ โดนเน้นที่สีขาวเป็นหลัก และมีการตกแต่งด้วยสีน้ำตาลอ่อน สีเบจ ซึ่งจะเป็นสีที่ช่วยทำให้รู้สึกสะอาด สบายตา หากต้องการแผ่นไม้ปูพื้นควรเลือกไม้ในโทนสีน้ำตาลอ่อน เพื่อให้มีความกลมกลืนกับสไตล์ของบ้าน

3. บ้านสไตล์วินเทจ

บ้านสไตล์วินเทจเป็นบ้านที่เน้นตกแต่งด้วยของยุคเก่า ให้กลิ่นอายของการย้อนยุค โดยโทนสีที่ใช้ในการตกแต่งจะมีความหลากหลาย ทั้งสีขาว สีเหลือง สีส้ม สีแดง และสีฟ้าอ่อน จึงสามารถเลือกแผ่นไม้ปูพื้นได้ทั้งสีน้ำตาลอ่อน และสีน้ำตาเข้ม แต่อย่างไรก็ตามจะต้องเลือกสีแผ่นไม้ปูพื้นให้มีความเหมาะสม และกลมกลืนกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ ภายในบ้าน

4 .บ้านที่เน้นสีเอิร์ธโทน

บ้านสีเอิร์ธโทนเป็นบ้านที่เน้นการใช้สีแบบธรรมชาติ โดยอิงมาจากสีท้องฟ้า แม่น้ำ ภูเขา และดิน ซึ่งบ้านที่ตกแต่งด้วยสีเอิร์ธโทนจะช่วยให้ความรู้สึก อบอุ่นสบายตา เหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สำหรับแผ่นไม้ปูพื้นควรเลือกสีน้ำตาลอ่อน หรือสีที่ใกล้เคียงกับต้นไม้ตามธรรมชาติ เพื่อให้บรรยากาศภายในห้องมีความลงตัว และไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น

สรุปบทความ


ไม้ เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง ให้ความรู้สึกมั่นคง พร้อมด้วยสัมผัสที่มีความนุ่มนวล อีกทั้งยังเข้ากับสไตล์ของบ้านที่หลากหลาย จึงได้รับนิยมนำมาใช้ในการปูพื้นเป็นอย่างมาก แต่ด้วยข้อจำกัดบางอย่างเช่น ราคาที่ค่อนข้างสูง ความไม่ทนน้ำ และมีปัญหาเรื่องปลวก ทำให้มีการผลิตแผ่นไม้เทียมปูพื้นขึ้นมา เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งแผ่นไม้ปูพื้นแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นก่อนที่จะเลือกมาใช้งาน ควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับบ้าน ใครที่กำลังมองหาแผ่นไม้ปูพื้น ไม่ว่าจะเป็นไม้จริง หรือแผ่นไม้เทียมปูพื้น Global House ก็มีสินค้าให้เลือกสรรมากมาย ทั้งกระเบื้องยาง พื้นไม้ลามิเนต พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ รวมถึงไม้ปูพื้น อื่นๆ ที่เหมาะกับสไตล์ของบ้าน


คุ้มค่าไปอีกขั้นแค่ สมัครสมาชิกโกลบอลคลับ ฟรี พร้อมรับสิทธิพิเศษ สำหรับ สมาชิกโกลบอลคลับ เพียงช้อปครบ 50 บาท รับ 1 คะแนน สะสมโกลบอลคลับสะสมคะแนน เพื่อแลกเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า ที่โกลบอลเฮ้าส์ทุกสาขา ทั่วประเทศ

  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม 1,000 คะแนน แลกรับคูปองแทนเงินสด 100 บาท
  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม 9,000 คะแนน แลกรับคูปองแทนเงินสด 1,000 บาท
  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม แลกซื้อเครื่องดื่ม ที่ลามายอนคอฟฟี่ทุกสาขา

Global House จัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และของตกแต่งบ้าน ให้คุณครบจบในที่เดียว

เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่

บริการช่างดี




เนื้อหาที่คล้ายกัน