img


แชร์เทคนิคเลือกประตูบ้านตามหลักฮวงจุ้ย เสริมความปัง

ประตูบ้านเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของบ้านเลยก็ว่าได้ บ้านที่ไร้ประตูก็ไม่ถูกเรียกว่าเป็นบ้านได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งนอกจากประตูบ้านจะเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องเราจากอันตรายต่างๆ ที่อยู่ข้างนอกได้แล้ว ประตูบ้านยังเปรียบเสมือนหน้าตาของบ้านอีกด้วย สไตล์และความชื่นชอบของเจ้าของบ้านเป็นอย่างไร ก็มักจะสะท้อนออกมาผ่านการเลือกประตูบ้านมาใช้งานนั่นเอง

ประตูบ้านไม่เพียงแต่มีประโยชน์ในด้านความสวยงามและความปลอดภัยเท่านั้น ประตูบ้านยังมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของฮวงจุ้ยอีกด้วย หากคุณเลือกประตูบ้านได้ดีและมีการติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมตามหลักฮวงจุ้ยล่ะก็ บ้านของคุณจะเต็มไปด้วยความสุข ความเจริญ เงินทองไหลมาเทมา ทำอะไรก็ราบรื่น และไม่มีติดขัดอย่างแน่นอน!


สำหรับใครที่มีความเชื่อด้านฮวงจุ้ยบ้าน รวมถึงกำลังมองหาและเลือกประตูบ้านมาใช้งาน บอกได้เลยว่าบทความนี้ตอบโจทย์สุดๆ ! เพราะโกลบอลเฮ้าส์จะพาคุณมาทำความรู้จักประตูบ้านแต่ละประเภท ตั้งแต่วัสดุที่ใช้ในการทำประตูบ้าน ไปจนถึงเทคนิคการเลือกและการติดตั้งประตูบ้านให้ถูกหลักฮวงจุ้ย ใครอยากเฮง อยู่บ้านอย่างร่มเย็นเป็นสุข รีบตามไปอ่านกันได้เลย


หัวข้อไฮไลท์

  • รู้จักวัสดุทำประตู ก่อนเลือกประตูบ้านที่ “ใช่” มาใช้งาน
  • ประตูบ้านมีกี่ประเภท?
  • เทคนิคในการเลือกประตูบ้านตามหลักฮวงจุ้ย 
  • สรุปบทความ



รู้จักวัสดุทำประตู ก่อนเลือกประตูบ้านที่ “ใช่” มาใช้งาน


ประตูบ้านถูกผลิตมาจากวัสดุที่หลากหลาย มีทั้งไม้จริง ไม้อัด ไม้สังเคราะห์ พลาสติก เหล็ก กระจก รวมถึงการนำวัสดุมากกว่า 2 ชนิดมาผสานไว้ใช้ประตูหนึ่งบานด้วยเช่นกัน ซึ่งแต่ละวัสดุก็จะมีข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมกับบ้านที่มีสภาพแวดล้อมแตกต่างกันไป อย่างบ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ฝนตกชุกชุมอาจไม่เหมาะสมกับประตูที่ผลิตมาจากไม้อัด เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ การที่คุณได้รู้จักวัสดุในการทำประตูแต่ละชนิด จะช่วยให้คุณสามารถเลือกประตูบ้านที่เหมาะสมกับบ้านมาใช้งานได้จริงๆ


1. ประตูไม้จริง

ประตูไม้จริง (Wooden Door) ผลิตมาจากไม้แท้ๆ ทั้งบาน โดยส่วนใหญ่มักจะใช้ไม้สัก, ไม่ประดู่, ไม้มะค่า, ไม้แดง, ไม้เต็ง, ไม้จำปา, ไม้โอ๊ค ฯลฯ ทำให้ประตูไม้จริงมีความแข็งแรง ทนทาน และมีลวดลายตามธรรมชาติของไม้แต่ละชนิดที่สวยงามแตกต่างกันไป
ถ้าคุณอยากให้ประตูหน้าบ้าน ประตูนอกบ้าน หรือประตูห้องน้ำเป็นประตูไม้จริง แนะนำให้เลือกเป็นประตูไม้สัก เพราะไม้สักเป็นไม้ที่ทนแดดทนฝนทนลมได้ดี ส่วนประตูไม้เต็งหรือไม้เนื้อแข็งอื่นๆ แนะนำให้ใช้เป็นประตูภายในบ้านอย่างห้องนอนจะดีกว่า เพราะไม้เหล่านี้ ไม่ทนทานต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังสะสมความชื้นง่าย มีการพองตัว หดตัว บิดตัว และมีอายุสั้นลงเมื่อเจอกับความเปียกชื้นอีกด้วย
GREATWOOD ประตูไม้จริง

  • รุ่น MG-H สีมะฮอกกานี
  • มีลวดลายและสีสันตามธรรมชาติ
  • เหมาะสำหรับการใช้งานภายในและภายนอก
  • ขนาด 80 x 200 เซนติเมตร


2. ประตูไม้สังเคราะห์

ประตูไม้สังเคราะห์ หรือประตู WPC (Wood Plastic Composite) ผลิตจากไม้เนื้อแข็งกับวัสดุพีวีซีที่อัดรีดเข้ารูปเป็นชิ้นเดียว เรียกได้ว่าเป็นประตูที่นำเอาข้อดีของไม้และพีวีซีมาไว้ด้วยกัน ทำให้ได้เป็นประตูที่แข็งแรง ทนทาน สามารถกันน้ำได้ ไม่ดูดซับความชื้น ไม่กรอบไม่แตกง่าย ไม่มีปัญหาเรื่องเชื้อรา ปลวกไม่กัด ไม่ลามไฟ มีอายุการใช้งานนาน และมีผิวสัมผัสเหมือนไม้ตามธรรมชาติ ดังนั้น จึงสามารถนำไปติดตั้งได้ทุกห้องทุกแห่ง ทั้งภายในและภายนอก

WELLINGTAN ประตูไม้สังเคราะห์ (WPC)

  • รุ่น WPC-05
  • สี Black Walnut & Brown Oak
  • ทนน้ำ กันความชื้น ป้องกันปลวกและแมลง
  • เหมาะสำหรับการใช้งานภายใน
  • ขนาด 80 x 200 เซนติเมตร


3. ประตูไม้อัด MDF

ประตูไม้อัด MDF (Medium Density Fiberboard) ด้านในทำมาจากไม้จริง ส่วนด้านนอกทำมาจากไม้อัดที่มีความหนาปานกลาง จากนั้นจะปิดผิวประตูด้วยวีเนียร์ธรรมชาติ มีความสวยงาม ราคาประหยัด เหมาะกับการติดตั้งภายในบ้าน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน
METRO ประตูไม้อัด MDF

  • ลวดลายสวยงามเสมือนไม้จริง
  • แข็งแรงทนทาน คงตัว ไม่ยืดหด หรือพองง่าย
  • เหมาะสำหรับการใช้งานภายนอก
  • ขนาด 90 x 200 เซนติเมตร


4. ประตูไม้อัด HDF

ประตูไม้อัด HDF (High Density Fiber) ด้านนอกทำมาจากแผ่นไม้อัดที่มีความหนาแน่นสูง ส่วนด้านในเป็นแผ่นไม้จริง ทำให้มีความแข็งแรงทนทานมากกว่า และสามารถทนต่อความชื้นได้ดีกว่าประตูไม้อัด MDF ด้วยเหตุนี้จึงสามารถติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอก แต่เพื่ออายุการใช้งานที่นานมากขึ้น แนะนำให้ติดตั้งในตำแหน่งที่ไม่โดนฝนง่าย ไม่เปียกชื้น และไม่โดดแดดตรงๆ จะดีกว่า

METRO ประตูไม้อัด HDF

  • รุ่น 006 กาญจนพฤกษ์
  • เหมาะสำหรับการใช้งานภายใน
  • ขนาด 80 x 200 เซนติเมตร


5. ประตูไม้เอ็นจีเนียร์

ประตูไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood Door) เป็นประตูที่ทำมาจากไม้จริงผสมกับไม้สำเร็จรูปอย่างไม้อัด ทำให้มีดูสวยงามเป็นธรรมชาติและมีความแข็งแรงในขณะเดียวกัน ซึ่งจุดเด่นของประตูไม้เอ็นจิเนียร์อยู่ที่ความคงตัว ไม่พอง ไม่บิด และไม่โก่งตัวง่าย ส่วนราคาก็ไม่แรงเท่าประตูไม้จริงแบบทั้งบาน จึงทำให้เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน

HOLZTUR ประตูไม้เอ็นจิเนียร์

  • รุ่น ENR-018 ไม้เรดโอ๊ค
  • เหมาะสำหรับการใช้งานภายนอกและภายใน
  • ขนาด 80 x 200 เซนติเมตร


6. ประตูไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์

ประตูไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์ (Fiber Cement) ทำมาจากแผ่นซีเมนต์ เยื่อต้นไม้ และทรายซิลิกา โดยผ่านกระบวนการอัดขึ้นรูปให้ออกมาเป็นประตู มีคุณสมบัติในการต้านทานความชื้นได้ดี มีความแข็งแรง  ทนทานในทุกสภาพอากาศ ไม่บวม คงตัวไม่บิดงอ ไม่ลามไฟ และหมดห่วงเรื่องปัญหาเชื้อราที่เกิดจากความชื้น


SHERA ประตูไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์

  • รุ่น GP02 สีรองพื้นขาว
  • เหมาะสำหรับการใช้งานภายในและภายนอก
  • ขนาด 70 x 200 เซนติเมตร


7. ประตู PVC

ประตู PVC (Poly Vinyl Chloride) หรือประตูพลาสติกพีวีซี มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ติดตั้งสะดวก กระแสไฟฟ้าไม่สามารถไหลผ่านได้ ไม่ติดไฟ ไม่ทำให้ไฟลุกลาม ไม่สะสมความชื้น เหมาะกับการติดตั้งเป็นประตูห้องน้ำ หรือบริเวณที่มักจะเจอกับความเปียกชื้นอยู่บ่อยๆ แต่ประตู PVC ไม่ได้มีความหนาแน่น ค่อนข้างกลวง จึงไม่แข็งแรงมากนัก ทำให้รองรับน้ำหนักได้จำกัด


CHAMP ประตู PVC

  • รุ่น S-TITAN2
  • ผลิตจาก PVC เกรด A ผิวเรียบไร้รอยต่อ
  • เคลือบเงา ทำให้สวยงามและทำความสะอาดง่าย
  • เหมาะสำหรับการใช้งานภายนอก
  • ขนาด 70 x 180 เซนติเมตร


8. ประตู uPVC

ประตู uPVC (Unplasticized Poly Vinyl Chloride) เป็นประตูพลาสติกเช่นกัน แต่จะเป็นพลาสติกที่ผลิตจากการเติมสารเคมีชนิดอื่นเข้าไป เพื่อให้มีความแข็งแรงและทนทานมากขึ้น ทำให้ประตู uPVC สามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่าประตู PVC ไม่หักง่าย และไม่พังง่าย สามารถนำไปติดตั้งใช้งานได้หลากหลาย


WELLINGTAN ประตู uPVC

  • รุ่น WNR001
  • ผลิตจากพลาสติกและโครงสร้างไม้สังเคราะห์
  • ภายในเป็นโฟม EPS Board ชนิดพิเศษ (ไม่ลามไฟและป้องกันเสียงได้)
  • เหมาะสำหรับการใช้งานภายนอก
  • ขนาด 80 x 200 เซนติเมต


9. ประตูไฟเบอร์กลาส

ประตูไฟเบอร์กลาส (Fiberglass Door) ผลิตจากโพลีเอสเตอร์เรซิ่นเสริมใยแก้ว ทำให้ผิวไม้มีลวดลายคล้ายกับไม้จริง พร้อมคุณสมบัติเด่นอีกเพียบ! ทั้งกันน้ำ, กันฝน, ทนแดด, ทนฝน, ปลอดภัยจากปลวกและแมลง, ไม่ลามไฟ, ไม่มีเชื้อรา, ไม่บวม ไม่พอง และสามารถทำความสะอาดได้ง่าย


ECO DOOR ประตูไฟเบอร์กลาส

  • รุ่น 2PT สีโอ๊ค
  • เหมาะสำหรับการใช้งานภายนอกและภายใน
  • ขนาด 80 x 200 เซนติเมตร


10. ประตูกระจก

ประตูกระจก (Glass Door) ช่วยให้บ้านโปร่งโล่ง สบายตา และน่าอยู่ จากแสงธรรมชาติสาดส่องเข้ามา มีความแข็งแรง ทนทาน ป้องกันเสียง ป้องกันไฟ และมีอายุการใช้งานนาน ซึ่งคุณสามารถเลือกดีไซน์ประตูกระจกได้ตามความต้องการ ทั้งแบบเต็มบานหรือแบ่งเป็นช่องๆ ก็ได้เช่นกัน แต่อาจจะต้องทำความสะอาดบ่อยขึ้น เพราะอาจมีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเกาะติดและสะสม ทำให้กระจกหมองไม่น่ามองได้


11. ประตูเหล็ก

ประตูเหล็ก (Steel Door) นับว่าเป็นประตูที่แข็งแรง ทนทาน และป้องกันภัยได้ดีที่สุด (กันไฟไหม้ได้ กันการงัดแงะได้) จึงเหมาะกับการนำไปติดตั้งเป็นประตูทางหนีไฟ ประตูห้องนิรภัย ประตูระเบียง ประตูดาดฟ้า ประตูหน้าบ้าน หรือประตูหลังบ้าน แต่ประตูเหล็กก็มีข้อเสียเช่นกัน ตรงที่มีการสะสมความชื้นง่าย ซึ่งอาจทำให้มีสนิมขึ้น และมีอายุการใช้งานสั้นก็เป็นได้
PROFESSIONAL DOOR ประตูเหล็ก

  • รุ่น H1W สีขาว
  • ขนาด 80 x 200 เซนติเมตร


12. ประตูอะลูมิเนียม

ประตูอะลูมิเนียม (Aluminium Door) เหมาะกับการติดตั้งทุกบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือนอกบ้านก็ตาม ผลิตมาจากแร่อะลูมิเนียมที่มีคุณสมบัติในการทนต่อความร้อนสูง แข็งแรง และน้ำหนักเบา อีกทั้งยังไม่ขึ้นสนิมเมื่อใช้ไปนานๆ อีกด้วย ซึ่งประตูอะลูมิเนียมจะเป็นแบบอะลูมิเนียมเต็มบาน หรือจะเป็นการนำอะลูมิเนียมมาเป็นโครงสร้างประตู และใช้กระจกหรือวัสดุอื่นมาสร้างเป็นประตูร่วมด้วยก็ได้


Trustand ประตูอะลูมิเนียม

  • รุ่น ED-SS2118-W5G สีขาวพร้อมมุ้ง
  • ทนแดด ทนฝน ทนมลภาวะที่เป็นกรดได้ดี
  • ออกแบบโฟมซีลป้องกันน้ำเข้ารอยต่อวงกบและมีรางน้ำไหลออก
  • ระบบ Lock กลางบานแข็งแรง ป้องกันการงัดแงะได้ดี
  • ขนาด 180 x 213.5 เซนติเมตร


13. ประตูลามิเนต

ประตูลามิเนต (Laminate Door) เป็นชื่อเรียกประตูที่มีโครงสร้างเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีโครงสร้างแข็งแรง รองด้วยไม้อัดประเภทต่างๆ จากนั้นปิดทับด้วยแผ่นลามิเนต ทำให้ประตูลามิเนตมีความแข็งแรงและสวยงาม แน่นอนว่าตามมาด้วยน้ำหนักที่มากขึ้น


14. ประตูเมลามีน

ประตูเมลามีน (Melamine Door) เป็นประตูที่มีความคล้ายคลึงกับประตูลามิเนต ตรงที่ใช้ไม้เนื้อแข็งมาทำเป็นโครงสร้าง จากนั้นก็ปิดผิวด้วยเมลามีนเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนต่อรอยขีดข่วน และสามารถป้องกันความชื้นได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งสามารถพิมพ์ลวดลายได้ตามความต้องการ


HOLZTUR ประตูเมลามีน

  • รุ่น MD-F01-13 สีเทา-ลายไม้สัก
  • เหมาะสำหรับการใช้งานภายใน
  • วัสดุปิดผิวผลิตจากแผ่นไม้ HDF อัดแน่นสูง เนื้อไม้ละเอียด
  • สามารถบากใสได้เหมือนประตูไม้จริง
  • ขนาด 80 x 200 เซนติเมตร


ประตูบ้านมีกี่ประเภท?

ก่อนเลือกประตูบ้านมาติดตั้ง อย่าลืมเช็กว่าตัวเองและคนในครอบครัว มีพฤติกรรมการเปิด-ปิดประตูอย่างไร เพราะประตูบ้านสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทตามลักษณะการใช้งาน โดยแต่ละประเภทก็จะเหมาะสมกับลักษณะของตัวบ้าน รวมถึงพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยแตกต่างกันไปด้วย เลือกประตูบ้านประเภทไหนดี? ไปดูกันได้เลยว่าแบบไหนจะเหมาะกับคุณที่สุด!?

1. ประตูบ้านบานเลื่อน เป็นประตูที่เปิด-ปิดในลักษณะของการเลื่อนไปด้านข้าง ทำให้เปิด-ปิดสะดวก มีทั้งแบบบานเดี่ยวและบานคู่ให้เลือกใช้งาน เหมาะกับบ้านที่มีเนื้อที่น้อย

2. ประตูบ้านบานเปิด เป็นประตูที่มีการเปิดไปในทิศทางเดียวเท่านั้น โดยจะต้องกำหนดไว้ตั้งแต่ขั้นตอนการติดตั้งเลยว่าจะให้เปิดไปในทางใด โดยจะมีระบบบังใบรอบตัว มีให้เลือกทั้งบานเดี่ยวและบานคู่ ซึ่งมักจะถูกใช้เป็นประตูหน้าบ้านอยู่บ่อยๆ ได้ทั้งนี้ก็สามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก

3. ประตูบ้านบานเฟี๊ยม เป็นประตูที่พับได้ ประกอบด้วยบานประตูขนาดเล็กหลายๆ บานเชื่อมติดกัน เมื่อเปิดแล้วสามารถพับเก็บไว้ด้านข้างได้ เหมาะสำหรับเป็นประตูกั้นห้อง หรือประตูบ้านที่มีประตูชั้นในควบคู่ไปด้วย (เพื่อความปลอดภัย)

4. ประตูบ้านบานสวิง เป็นประตูที่คล้ายกับประตูบานเปิด จึงทำให้หลายคนสับสนกันอยู่บ่อยๆ แต่ประตูบานสวิงจะสามารถผลักเข้าออกได้จากทั้งสองทางแบบ 180 องศา ไม่เหมือนกับประตูบานเปิดที่เปิดไปในทิศทางเดียวเท่านั้น โดยประตูบานสวิงจะเหมาะกับการติดตั้งเป็นประตูร้านค้า ประตูสถานที่ทำงาน หรือประตูที่มีคนเข้าออกเป็นประจำ



เทคนิคในการเลือกประตูบ้านตามหลักฮวงจุ้ย

ประตูหน้าบ้านเป็นทางผ่านของสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในตัวบ้าน ทั้งตัวเจ้าของบ้านเอง แขกผู้มาเยือน สิ่งของต่างๆ แน่นอนว่ารวมถึงพลังงานและโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตด้วย ถ้าอยากให้พลังงานดีๆ โชคลาภปังๆ หรือโอกาสใหม่ๆ ผ่านเข้าบ้านมาถึงตัวเราได้ คุณควรเลือกประตูบ้านให้เหมาะ ติดตั้งในทิศทางที่ดี ตกแต่งประตูบ้านให้สวยงาม และดูแลประตูบ้านตามคำแนะนำเหล่านี้เลย!



อยากเสริมฮวงจุ้ยให้ปัง ต้องปฏิบัติตามนี้!

  • เลือกใช้ประตูบ้านแบบเปิดเข้า เพราะเหมือนเป็นการต้อนรับให้พลังงานดีๆ เข้าสู่ตัวบ้านอย่างง่ายดาย หากคุณใช้ประตูบ้านแบบผลักออกจากด้านใน อาจทำให้พลังงานดีๆ ออกจากบ้านได้
  • เลือกประตูบ้านแบบเหล็กดัดที่มีความโปร่ง เพื่อให้พลังงานดีๆ เข้าบ้านได้ง่ายขึ้น เพราะประตูเหล็กดัดที่ไม่โปร่งจะคล้ายๆ กับการถูกขังอยู่ในคุก ซึ่งจะทำให้พลังงานดีๆ ไหลเข้าไปไม่ได้
  • เลือกประตูบ้านที่มีขนาดใหญ่และสูงโปร่ง เพราะมีความเชื่อว่ายิ่งประตูบ้านใหญ่แค่ไหน กว้างแค่ไหน และสูงโปร่งมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้พลังงานดีๆ ไหลเข้าสู่ตัวบ้านง่ายขึ้นนั่นเอง
  • ประตูบ้านต้องสะอาดและสวยงามเสมอ ควรเช็ดทำความสะอาดเป็นประจำ ระมัดระวังไม่ให้มีสีลอก มีรอยถลอก หรือผุพัง
  • ไม่ปล่อยให้บ้านมืด หน้าบ้านควรเป็นจุดที่มีความสว่างสาดส่องอยู่ตลอดเวลา เพื่อต้อนรับพลังงานดีๆ ให้เข้ามาในบ้าน ส่วนบ้านที่มืดทึบอาจเป็นแหล่งสะสมของพลังงานที่ไม่ดีได้
  • ตกแต่งประตูบ้านด้วยสิ่งของมงคล อย่างดอกไม้ กระถางต้นไม้ สวนขนาดเล็ก หรือของประดับสีเขียว จะช่วยเสริมพลังด้านเงินทองได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ จะเลือกประตูบ้านที่มีการแกะสลักด้วยลายที่มีความหมายมงคล อย่างรูปปลาเงินปลาทอง นกยูง หรือมังกรก็ได้เช่นกัน


ประตูบ้านแต่ละทิศ เสริมฮวงจุ้ยด้านอะไร?

  • ประตูบ้านทิศเหนือ ช่วยเสริมฮวงจุ้ยด้านกิจการ ทำให้กิจการเจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง และเป็นทิศของธาตุน้ำ จึงเหมาะกับประตูบ้านสีโทนเย็น เช่น สีฟ้า สีเขียว หรือสีเทา
  • ประตูบ้านทิศใต้ ช่วยเสริมฮวงจุ้ยด้านชื่อเสียง ความโด่งดัง และความมั่งคั่ง และเป็นทิศของธาตุไฟ จึงเหมาะกับประตูบ้านสีโทนร้อน อาทิ สีส้ม สีชมพู หรือสีแดง
  • ประตูบ้านทิศตะวันออก ช่วยเสริมฮวงจุ้ยด้านความสัมพันธ์และความรักของคนในครอบครัว และเป็นทิศของธาตุไม้ จึงเหมาะกับประตูบ้านสีเขียวหรือสีน้ำตาล
  • ประตูบ้านทิศตะวันตก ช่วยเสริมฮวงจุ้ยเรื่องครอบครัว ลูกหลาน และโชคลาภเงินทอง และเป็นทิศของธาตุทอง จึงเหมาะกับประตูบ้านสีครีม สีขาว สีเทา สีเบจ และสีน้ำตาล


สิ่งที่ไม่ควรทำถ้าไม่อยากดวงกุด-โชคหาย!

  • ประตูหน้าบ้านตรงกับเสาไฟฟ้า
  • ประตูหน้าบ้านเราตรงกับประตูบ้านของบ้านตรงข้าม
  • ประตูหน้าบ้านตรงกับประตูห้องน้ำ
  • ประตูหน้าบ้านตรงกับบันได
  • ประตูหน้าบ้านตรงกับประตูหลังบ้าน
  • ประตูหน้าบ้านมีทางเข้า 2 ทางขึ้นไป (ควรมีแค่ทางเดียวหรือ 1 ประตู)
  • ประตูหน้าบ้านมีคานข้างบน


บทสรุป

ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ความเชื่อหนึ่งของคนจีน ที่มีความเกี่ยวข้องกับธรรมชาติและที่อยู่อาศัย เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้รับพลังงานที่ดี มีความสุข และมีอุปสรรคในการใช้ชีวิตน้อยลง ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคลรูปแบบหนึ่ง อย่างในบทความนี้เราก็ได้แนะนำวิธีการเลือกประตูบ้าน การติดตั้งประตูบ้าน และการตกแต่งประตูบ้าน เพื่อเสริมฮวงจุ้ยและทำให้บ้านเป็นสิริมงคลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับใครที่อยากได้เคล็ดลับเกี่ยวกับฮวงจุ้ยบ้านในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม สามารถติดตามอ่านได้ในบทความด้านล่างนี้ ที่เราเคยเขียนแนะนำกันได้เลย!



เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่

Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์

Line@: @globalhouse

TikTok: globalhouseofficial

App Click&Collect


บริการช่างดี

App ช่างดี

Web ช่างดี บริการติดตั้ง

Facebook: ChangDeeService

Line Official: @Changdee




เนื้อหาที่คล้ายกัน