หากพูดถึงสภาพอากาศของประเทศไทย แม้ว่าจะเข้าสู่หน้าฝน หรือหน้าหนาวแล้วก็ตาม ด้วยสภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศที่แปรปรวนในปัจจุบัน ทำให้เราต้องเผชิญกับอากาศร้อนอบอ้าวอยู่ตลอด ทำให้ต้องพึ่งตัวช่วยสำคัญอย่าง "เครื่องปรับอากาศ" หรือแอร์นั่นเอง ซึ่งจะช่วยปรับอากาศภายในบ้านให้เย็นสดชื่น แม้ว่าอากาศภายนอกจะร้อนแค่ไหนก็ตาม ยิ่งในปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวหน้า ก็ทำให้แอร์มีรูปแบบ ประเภท และดีไซน์ให้เลือกหลากหลายมากขึ้น
หากบ้านของคุณไม่ได้มีแอร์ทุกห้อง หรือแอร์ที่คุณติดตั้งส่งความเย็นไปได้ไม่ทั่วถึง เช่น อยู่ในห้องครัวตอนกลางวันที่อากาศร้อนจัดจนทำให้คุณทำอาหารลำบาก แต่หากลองเปลี่ยนมาใช้ แอร์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นแอร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายนำไปใช้เฉพาะจุดได้ โดยไม่ต้องติดตั้งให้ยุ่งยากเหมือนกับแอร์ทั่วไป ทำให้คุณได้รับความเย็นฉ่ำของแอร์ได้ตลอดเวลา วันนี้ โกลบอลเฮ้าส์ จะมาไขข้อสงสัยว่า แอร์เคลื่อนที่ดีจริงหรือไม่ ถ้าไม่อยากพลาดต้องอ่านบทความนี้เลย!!
หลายคนอาจจะสงสัยว่าแอร์เคลื่อนที่คืออะไร? เป็นแอร์ที่จะไม่ได้ติดตั้งเข้ากับผนังเหมือนแอร์ปกติ แต่จะวางไว้ที่พื้นเหมือนกับพัดลม สาเหตุที่แอร์รูปแบบนี้สามารถเคลื่อนที่ได้ นั่นก็เพราะ มีขนาด BTU ที่น้อยกว่าในแอร์ปกติ (แต่ก็มีแอร์เคลื่อนที่ที่มีขนาด BTU สูง แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่เกิน 12,000 BTU) เลยทำให้มีขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่มาก และก็มักจะมีล้อติดกับตัวเครื่อง จึงสะดวกและง่ายต่อการเคลื่อนย้าย
รูปแบบการทำงานของแอร์เคลื่อนที่ จะมีความคล้ายคลึงกับแอร์รูปแบบปกติ ตรงที่จะมีคอมเพรสเซอร์ในการทำความเย็น โดยจะทำหน้าที่ในการส่งน้ำยาแอร์เข้าไปที่ท่อแอร์ และปรับความดันภายในแอร์ จนทำให้เกิดความเย็นขึ้น แอร์เคลื่อนที่จะทำงานโดยการต่อเข้ากับปลั๊กไฟเหมือนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ และจะมีหน้าจอแสดงผลบอกค่าต่างๆหรือสถานะการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ การเคลื่อนที่ และฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ทั้งในรูปแบบของจอ LED หรือจอแบบดิจิทัล ที่ทำให้คุณเห็นสถานะการใช้งานได้ชัดเจน สำหรับข้อดีของแอร์เคลื่อนที่มี ดังนี้
นอกจากข้อดีแล้วแอร์เคลื่อนที่ก็มีข้อเสียด้วยเหมือนกัน ด้วยขนาดของแอร์ที่เล็กเลยทำให้ไม่สามารถทำความเย็นได้ทั่วทั้งห้อง โดยเฉพาะห้องกว้างๆ เนื่องจากความเย็นมักจะกระจายตัวได้ในระยะที่จำกัด หากวางแอร์อยู่ไกลอาจจะไม่รู้สึกเย็นมากนัก จะต้องต่อท่อลมร้อนออกมาข้างนอก สำหรับใช้ในการระบายความร้อนภายในของแอร์เคลื่อนที่ (ถ้าหากไม่ต่อท่อออกมาจะทำให้ตัวเครื่องร้อน และอาจทำให้อายุการใช้งานของตัวเครื่องน้อยลง) แอร์เคลื่อนที่มีข้อจำกัดในการจัดวาง เพราะต้องวางในห้องปิด วางในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่วางของที่อุณหภูมิสูงไว้ในห้อง เพื่อลดการถ่ายเทความร้อน และจำกัดชั่วโมงการใช้งาน จะเป็นการช่วยไม่ให้แอร์เคลื่อนที่ทำงานหนัก และช่วยให้ไม่ต้องจ่ายค่าไฟแพงเกินกว่าที่จำเป็นอีกด้วย
เมื่อคุณรู้จักแอร์เคลื่อนที่กันไปแล้ว ทีนี้ลองมาเปรียบเทียบกันดีกว่าว่า แอร์แบบปกติกับแอร์เคลื่อนที่ แบบไหนดีกว่ากันในเรื่องไหนบ้าง และสามารถใช้แทนกันได้จริงหรือไม่ แม้จะเป็นแอร์เหมือนกันแต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ แต่จะต่างเรื่องไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย!!
หากเป็นแอร์รูปแบบปกติ จะต้องให้ช่างผู้ชำนาญมาทำการติดตั้ง ทั้งในเรื่องของการเดินสายไฟ การติดตั้งคอมเพรสเซอร์ไว้ภายนอกบ้าน เพื่อใช้ในการระบายความร้อนของแอร์ ติดตั้งท่อน้ำทิ้ง ท่อน้ำยา และติดตั้งแอร์เข้ากับผนังบ้าน (เมื่อทำการประกอบแอร์เรียบร้อยแล้ว) โดยจะต้องทำการยึดด้วยสกรู และอุปกรณ์เฉพาะ เพื่อให้ฐานวางแอร์มีความแข็งแรงในการรองรับน้ำหนักของแอร์ตามขนาด BTU ยิ่งเลือกแอร์ที่มีขนาด BTU เยอะยิ่งทำให้แอร์มีขนาดใหญ่มากขึ้น และคุณไม่สามารถทำการติดตั้งด้วยตัวเองได้ จะต้องให้ช่างที่มีความชำนาญมาเป็นผู้ติดตั้งให้เท่านั้น
ซึ่งมีความแตกต่างกับการติดตั้งแอร์เคลื่อนที่ ที่เพียงแค่ทำการประกอบแอร์ (บางรุ่นมีการประกอบมาให้แล้ว) และเสียบปลั๊กก็สามารถใช้งานได้ทันที จะเห็นได้ว่าแอร์เคลื่อนที่มีความสะดวกต่อการติดตั้ง และการใช้งานมากกว่า ไม่ต้องเดินสายไฟให้ยุ่งยาก แค่มีปลั๊กไฟก็เปิดแอร์เคลื่อนที่ได้แล้ว นอกจากนี้แอร์เคลื่อนที่ยังเหมาะกับผู้ที่อาศัยอยู่หอพัก หรือคอนโด ที่หากต้องการจะย้ายออก ก็สามารถนำแอร์เคลื่อนที่ไปใช้งานยังที่ใหม่ได้เลย แตกต่างจากแอร์แบบปกติที่ต้องมีช่างผู้ชำนาญมาติดตั้งและรื้อถอน
สำหรับแอร์รูปแบบปกติ การเปิดใช้งานแอร์ นอกจากการให้ความเย็นแล้ว ยังมีเรื่องของความชื้น และความสะอาดภายในห้องอีกด้วย โดยปกติแล้วแอร์บ้านทั่วไป จะมีระบบกรองอากาศ ที่ช่วยในการป้องกันฝุ่นละออง และเชื้อโรคที่อยู่ภายในบ้าน นอกจากนั้นในเรื่องของอุณหภูมิก็สามารถทำความเย็นได้ตามที่คุณเลือก ยิ่งถ้าแอร์ของคุณเป็นระบบอินเวอร์เตอร์ ก็จะช่วยในการปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะกับห้องได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าห้องจะเย็นเกินไป และถ้าเห็นว่าแอร์เริ่มไม่เย็น หรือสกปรกแล้ว ก็สามารถถอดแอร์มาล้างทำความสะอาด และเติมน้ำยาแอร์ให้แอร์กลับมาเย็นอีกครั้งได้ ซึ่งแอร์บางรุ่นมี ระบบทำความสะอาดตัวเองอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยความเย็นของแอร์บ้านจะมีการกระจายตัวไปทั่วห้องตามที่คุณตั้งค่าเอาไว้ และมีโหมดทำความเย็นได้เร็วขึ้น
แต่ถ้าเป็นแอร์เคลื่อนที่ มีระบบกรองอากาศในตัว เป็นแผ่นกรองอากาศกรองฝุ่น ซึ่งสามารถทำความสะอาดได้ง่าย แต่ระบบกรองอากาศอาจจะไม่ดีเท่ากับแอร์ปกติ ส่วนเรื่องของความเย็นนั้น เป็นการทำความเย็นโดยคอมเพรสเซอร์ติดตั้งภายในสามารถเลือกอุณหภูมิได้ตามต้องการ แต่จะไม่มีการเติมน้ำยาแอร์เหมือนกับแอร์บ้าน ถ้าหากแอร์เริ่มไม่เย็น หรือมีสิ่งสกปรก ก็สามารถถอดแผ่นกรองฝุ่นออกมาล้างได้ง่าย แต่ในเรื่องของการทำความเย็น สามารถทำความเย็นได้ในระยะที่จำกัด หากไกลความเย็นอาจจะกระจายไปไม่ทั่วห้อง
ทั้งแอร์บ้าน และแอร์เคลื่อนที่กินไฟไม่ต่างกันมากนัก แอร์เคลื่อนที่จะใช้การเสียบปลั๊กเพื่อทำให้แอร์ทำงาน หากถอดปลั๊กออกการทำงานของแอร์ก็จะหยุดลง และความเย็นก็จะไม่กระจายตัวออก (คล้ายกับพัดลมที่เมื่อถอดปลั๊กพัดลมก็จะหยุดทำงาน) จึงทำให้ต้องเสียบปลั๊กตลอดการใช้งาน ซึ่งต่างจากแอร์บ้าน ที่ถึงแม้จะปิดแอร์ไปแล้ว แต่ความเย็นก็ยังคงกระจายตัวอยู่นานประมาณหนึ่ง หากใครที่ต้องการประหยัดไฟก็สามารถปิดแอร์แล้ว จากนั้นค่อยเปิดพัดลมเพื่อกระจายความเย็นจากแอร์กระจายไปทั่วห้องก็จะช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย
หากเทียบราคากันชัดๆ แอร์บ้านจะมีราคาแพงกว่าแอร์เคลื่อนที่หลายเท่า เพราะด้วยเรื่องของขนาด ระบบการทำงานภายใน การติดตั้ง และอุปกรณ์ต่างๆ เลยทำให้แอร์บ้านมีราคาแพงมากกว่า ยิ่งถ้าติดตั้งแอร์นอกเหนือจากที่บริษัทกำหนด ก็อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น เดินสายไฟฟรีแค่ 5 เมตร หากมีความยาวเพิ่มขึ้นอาจเสียค่าใช้จ่ายเมตรละ 200 บาท เป็นต้น
นอกจากนั้นเมื่อต้องล้างแอร์ และเติมน้ำยาแอร์ก็อาจจะต้องติดต่อช่าง เพื่อให้มาล้างแอร์ให้ซึ่งค่าล้างแอร์แต่ละครั้งก็จะอยู่ที่ประมาณ 500 - 1,000 บาท ยิ่งถ้าเป็นแอร์ตัวเก่าก็อาจจะต้องเรียกช่างมาล้างแอร์บ่อยๆ อีกทั้งกรณีที่แอร์เสีย ค่าซ่อมของแอร์บ้านก็แพงกว่าแอร์เคลื่อนที่มาก ด้วยเรื่องของอะไหล่ และแผงวงจรต่างๆ เช่น คอยล์ร้อน คอยล์เย็นเสีย ซึ่งจะต้องเลือกอะไหล่ที่เป็นรุ่นเดียวกัน ถ้าเป็นแอร์รุ่นเก่าอาจจะต้องสั่งอะไหล่มาเปลี่ยน ซึ่งอะไหล่บางรุ่นก็ไม่ผลิตแล้ว หรืออาจจะมีราคาแพงอีกด้วย
แต่ถ้าเป็นแอร์เคลื่อนที่ราคาก็จะถูกกว่าแอร์บ้าน และไม่ค่อยมีค่าบริการอื่นๆ มากนัก เพราะไม่ต้องมีช่างมาทำการติดตั้ง และการทำความสะอาดก็สามารถทำได้เองง่ายๆ เพราะมีขนาดเล็ก แค่เพียงถอดแผ่นกรองออกมาล้าง ในเรื่องของการซ่อมส่วนใหญ่อะไหล่ของแอร์เคลื่อนที่ก็มักจะหาได้ง่าย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มากนัก
การเลือกแอร์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะเรื่องของการใช้งาน ว่าคุณต้องการนำเอาไปใช้งานในรูปแบบไหน เช่น ถ้าต้องการแอร์ติดตั้งสำหรับใช้ในห้องนั่งเล่น ต้องคำนวณพื้นที่ว่าห้องนั่งเล่นมีขนาดใหญ่หรือไม่ ถ้ามีขนาดใหญ่แอร์เคลื่อนที่อาจจะไม่ตอบโจทย์มากนัก เพราะความเย็นอาจจะกระจายไปไม่ทั่วห้อง แต่ถ้าคุณต้องการเปิดใช้งานเวลาทำอาหารในห้องครัว หรือเปิดใช้งานเวลารับประทานอาหารที่โต๊ะอาหาร แอร์เคลื่อนที่ก็เหมาะสำหรับนำไปใช้งาน เพราะด้วยขนาดตัวแอร์ที่เล็ก และสามารถเคลื่อนที่ได้ จึงช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ต้องคำนึงด้วยว่าคุณใช้งานแอร์นาน และบ่อยแค่ไหน หากใช้ไม่นานมากแอร์เคลื่อนที่ก็ถือว่าตอบโจทย์ แต่ถ้าใช้งานตลอดทั้งวันแอร์บ้านจะเหมาะมากกว่า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการใช้งานเท่านั้น แต่ขนาดของห้องที่คุณจะติดตั้ง หรือวางแอร์ก็ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน การเลือกขนาด BTU ที่เหมาะสมจึงส่งผลต่อความเย็นภายในห้องด้วยเช่นกัน
ห้องมีขนาดใหญ่ก็ควรเลือกขนาด BTU ที่สูงและเหมาะสมกับขนาดของห้อง แต่ถ้าใครที่อยู่ห้องเล็กๆ อยู่คอนโด หรือหอพัก แล้วไม่ได้อยากเปิดแอร์ตลอดทั้งวัน แอร์เคลื่อนที่นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถทำความเย็นภายในห้องขนาดเล็กได้ดี สามารถเคลื่อนที่ได้ง่าย เมื่อใช้งานเสร็จก็สามารถเก็บเข้าตู้ หรือวางในมุมใดมุมหนึ่งของห้อง ใช้งานง่ายแถมราคายังจับต้องได้อีกด้วย
สำหรับใครที่ไม่ได้ติดตั้งแอร์บ้าน ลองเปลี่ยนมาใช้แอร์เคลื่อนที่ดู รับรองได้ว่าเย็นไม่แพ้แอร์บ้านเลย เปลี่ยนอากาศร้อนให้เย็นขึ้นง่ายๆ ด้วย แอร์เคลื่อนที่ รุ่นต่างๆ จากโกลบอลเฮ้าส์!!
สำหรับใครที่สนใจ แอร์เคลื่อนที่ สามารถเข้ามาดูรุ่น ดูยี่ห้อ และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Global House ซึ่งแอร์เคลื่อนที่แต่ละรุ่นบอกเลยว่าราคาจับต้องได้ ดีไซน์ก็สวย และสามารถย้ายไปมาได้ ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากๆ แต่ถ้าใครที่มีห้องขนาดใหญ่ และอยากได้แอร์ไปติดที่บ้าน ก็สามารถเข้าไปเลือกดู แอร์ รุ่นต่างๆเพิ่มเติมในเว็บไซต์ได้
นอกจากนั้นคุณสามารถเข้าไปเลือกดูสินค้าเพิ่มเติม และสินค้าอื่นๆ ได้ที่เว็บไซต์ Global House และถ้าใครอยากจะเข้าไปดูสินค้าจริง ไปลองสัมผัส ลองเลือกดู ก็สามารถไปที่ Global House ทุกสาขาทั่วประเทศ ได้เลย ซึ่งจะมีพนักงานที่พร้อมให้บริการตอบคำถาม และช่วยแนะนำสินค้า
นอกจากนั้นยังมี บริการติดตั้ง และบริการทำความสะอาด ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณ และถ้าใครที่ไม่อยากออกมาช้อปเอง ก็สามารถช้อปออนไลน์ได้ง่ายๆ แถมยังมาพร้อมกับโปรโมชั่นสุดคุ้ม และ สิทธิพิเศษในการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) นอกจากสินค้าเหล่านี้แล้ว โกลบอลเฮ้าส์ ก็ยังมีสินค้าเกี่ยวกับบ้านอีกมากมายที่ขนมาให้คุณได้เลือกแบบครบครัน!!
เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่
เนื้อหาที่คล้ายกัน