img


เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของตู้เย็นCHiQ 1 ประตู และ 2 ประตู

“เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของตู้เย็นCHiQ  1 ประตู และ 2 ประตู แบบไหนเหมาะกับคุณ”

ตู้เย็น 1 ประตู คืออะไร  คือ ตู้เย็นที่มีประตูบานเดียว ทั้งช่องแช่เย็นและช่องแช่แข็งอยู่ในพื้อที่เดียวกันไม่มีการแยกประตูออกจากกัน นิยมใช้ในพื้อที่ที่จำกัด 

ตู้เย็น 2 ประตู คืออะไร คือ ตู้เย็นที่มีประตู 2 บาน แยกออกจากกัน โดยบานหนึ่งเป็นช่องแช่เย็นสำหรับเก็บอาหารสดและเครื่องดื่ม และอีกบานหนึ่งเป็นช่องแช่แข็งสำหรับแช่อาหารแช่แข็งหรือน้ำแข็ง 

หัวข้อไฮไลท์

  1. เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของตู้เย็น 1 ประตู และ 2 ประตู

  2. ตู้เย็น 1 ประตู VS 2 ประตู เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับบ้านคุณ?

  3. ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อตู้เย็น 1 หรือ 2 ประตู

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของตู้เย็น 1 ประตู และ 2 ประตู

การเลือกซื้อตู้เย็นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกบ้าน และคำถามยอดฮิตของหลายคนก็คือ ควรเลือกตู้เย็น 1 ประตู หรือ 2 ประตูดี? มาดูข้อดีและข้อเสียของทั้งสองแบบกันเพื่อประกอบการตัดสินใจ

ตู้เย็น 1 ประตู

ข้อดี

  • ประหยัดพื้นที่ เหมาะสำหรับคอนโด ห้องพัก หรือบ้านขนาดเล็ก

  • ราคาเข้าถึงง่าย ราคารวมถึงค่าบำรุงรักษามักต่ำกว่าแบบ 2 ประตู

  • ใช้งานง่าย มีฟังก์ชันไม่ซับซ้อน

  • ประหยัดไฟกว่าในบางกรณี เพราะขนาดตัวเครื่องเล็ก

ข้อเสีย

  • ช่องแช่แข็งเล็กและมักจะเกาะน้ำแข็งเร็ว ต้องละลายน้ำแข็งเอง

  • ความจุน้อย ไม่เหมาะกับครอบครัวใหญ่หรือผู้ที่ต้องการแช่ของมาก

  • ฟีเจอร์หรือเทคโนโลยีมักน้อยกว่ารุ่น 2 ประตู

  • การแยกอาหารสดกับอาหารแช่แข็งไม่ชัดเจน

ตู้เย็น 2 ประตู

ข้อดี

  • ยกช่องเย็น–ช่องแช่แข็งอย่างชัดเจน จัดเก็บสะดวก

  • ความจุเยอะ เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน หรือผู้ที่ต้องการแช่อาหารปริมาณมาก

  • มีเทคโนโลยีทันสมัยหลายฟังก์ชัน เช่น ระบบกำจัดกลิ่นอับหรือระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ

  • ลดปัญหาน้ำแข็งเกาะในช่องฟรีซ

ข้อเสีย

  • ขนาดใหญ่ ต้องใช้พื้นที่มาก

  • ราคาสูงกว่าแบบ 1 ประตู ทั้งในด้านค่าเครื่องและค่าซ่อมบำรุงบางกรณี

  • อาจกินไฟมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าขนาดใหญ่และใช้งานหนัก



ตู้เย็น 1 ประตู VS ตู้เย็น 2 ประตู: เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับบ้านคุณ?

การเลือกขนาดตู้เย็นและรูปแบบประตูให้เหมาะสมกับขนาดและลักษณะบ้าน ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะตู้เย็นไม่ใช่แค่ที่เก็บอาหาร แต่ยังช่วยจัดระเบียบห้องครัวและสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่ให้กับบ้านของคุณอีกด้วย มาดูกันว่าแต่ละสถานที่ควรเลือกใช้ตู้เย็นแบบใดถึงจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด

1. บ้านหรือคอนโดขนาดเล็ก ห้องพัก หรือหอพัก

สำหรับพื้นที่จำกัด เช่น คอนโดมิเนียมหรือห้องเช่า ตู้เย็น 1 ประตูขนาดกะทัดรัดถือเป็นตัวเลือกที่ลงตัว เพราะมีดีไซน์เล็กกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ในการจัดวางและน้ำหนักเบา เหมาะกับคนโสด นักศึกษา หรือคู่รักที่มีของในตู้เย็นไม่มาก การจัดวางตู้เย็น 1 ประตูสามารถวางชิดผนังหรือมุมครัวได้เลย ทำให้ห้องดูกว้างขวางและไม่รู้สึกอึดอัด

2. บ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮม ขนาดกลาง

สำหรับครอบครัวขนาดกลาง (3-4 คน) ห้องครัวมักมีพื้นที่มากขึ้น การเลือกใช้ตู้เย็น 2 ประตูขนาดกลางจะช่วยให้จัดเก็บอาหารสำหรับสมาชิกในบ้านได้เพียงพอ พร้อมแยกโซนช่องเย็นกับช่องแช่แข็งให้ใช้งานสะดวก ควรเลือกจุดวางตู้เย็นที่ใกล้เคาน์เตอร์ปรุงอาหาร และอย่าลืมเผื่อพื้นที่หลังตู้และด้านข้างไว้ 10-15 ซม. เพื่อการระบายอากาศที่ดี

3. บ้านขนาดใหญ่หรือครอบครัวสมาชิกมาก

บ้านที่มีสมาชิกหลายคน หรือครอบครัวใหญ่ ที่ต้องเก็บอาหารและวัตถุดิบปริมาณมาก แนะนำตู้เย็น 2 ประตูขนาดใหญ่ขึ้น หรือเลือกประเภท Side-by-Side หรือ Multi-Door ก็เหมาะสม โดยควรตั้งตู้เย็นในครัวที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับเปิด-ปิดประตูได้อย่างสะดวก คิดถึงระยะทางตอนขนอาหารเข้าตู้หรือหยิบใช้ด้วย รวมถึงช่องทางการเดินไฟและจุดเสียบปลั๊กที่เหมาะสม

4.ร้านค้า สำนักงาน หรือบ้านที่มีพื้นที่ครัวแยก

หากต้องเก็บวัตถุดิบหรือเครื่องดื่มจำนวนมาก เช่น ร้านชานม ร้านอาหาร หรือสำนักงานที่มีพนักงานหลายคน ตู้เย็น 2 ประตูขนาดใหญ่หรือมากกว่า 1 เครื่อง ถือเป็นตัวเลือกที่ดี ควรเลือกจุดวางที่เข้าถึงง่ายและไม่ขวางทางเดิน

เคล็ดลับการวางตู้เย็นให้เหมาะกับบ้าน

  • ไม่ควรตั้งตู้เย็นติดผนังหรือแหล่งความร้อน ควรเว้นที่ไว้ด้านหลังและด้านข้างสำหรับการระบายอากาศ

  • อย่าวางใกล้เตาแก๊สหรืออ่างล้างจาน เพื่อป้องกันปัญหาความชื้นและความร้อน

  • ตรวจสอบขนาดความสูง-กว้าง-ลึก ของตู้กับพื้นที่ที่จะวางก่อนเลือกซื้อ

  • ในคอนโดหรือห้องเล็ก เลือกตู้เย็นแบบฝาหน้าไม่หนา และเปิดปิดประตูง่าย



ความจุและฟังก์ชันการใช้งาน: แยกโซนเย็นและแช่แข็งต่างกันแค่ไหน

เมื่อต้องเลือกซื้อตู้เย็นให้เหมาะกับบ้าน หลายคนอาจสงสัยว่าตู้เย็น 1 ประตูและ 2 ประตู มีความต่างกันในเรื่องความจุและฟังก์ชันการใช้งาน โดยเฉพาะการแยกโซนเย็น (ช่องแช่เย็น) กับโซนแช่แข็ง (ช่องฟรีซ) ว่าแต่ละแบบเป็นอย่างไรและตอบโจทย์การใช้งานแบบไหนบ้าง มาดูรายละเอียดกันค่ะ

ตู้เย็น 1 ประตู: ความเรียบง่ายที่ตอบโจทย์บ้านขนาดเล็ก




ความจุ:
โดยปกติแล้ว ตู้เย็น 1 ประตูจะมีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (ประมาน 3-8 คิว) เหมาะสำหรับหอพัก คอนโด หรือบ้านคนโสด/ครอบครัวขนาดเล็ก

ฟังก์ชันการใช้งาน & การแยกโซน:
จะแบ่งโซนเย็นและโซนแช่แข็งไว้ภายในประตูเดียวกัน โดยช่องแช่แข็งจะอยู่ด้านบนสุด และมีขนาดค่อนข้างเล็ก ส่วนใหญ่ช่องฟรีซจะไม่มีบานประตูปิดแยกเฉพาะ อาจมีน้ำแข็งเกาะง่าย และการควบคุมอุณหภูมิของโซนเย็นกับโซนแช่แข็งจะไม่เด็ดขาดเท่าตู้เย็น 2 ประตู เหมาะกับการแช่เนื้อสัตว์ปริมาณน้อย หรือแช่ของแช่แข็งขนาดเล็ก ๆ ชั่วคราว

จุดเด่น:

  • สะดวก กะทัดรัด เคลื่อนย้ายง่าย

  • ประหยัดไฟและราคาเข้าถึงง่าย

  • ดูแลรักษาง่าย

ข้อจำกัด:

  • ช่องแช่แข็งเล็ก พื้นที่จำกัดสำหรับแช่ของ

  • นานไปจะมีน้ำแข็งเกาะ ต้องละลายน้ำแข็งเอง

  • ไม่เหมาะกับการแยกเก็บอาหารสดกับอาหารแช่แข็งในปริมาณมาก

ตู้เย็น 2 ประตู: ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ครอบครัว

ความจุ:
มีขนาดกลาง-ใหญ่ (ตั้งแต่ 7 คิวขึ้นไป) เหมาะสำหรับครอบครัว 3 คนขึ้นไป หรือผู้ที่ต้องการเก็บอาหารแช่เย็นและแช่แข็งปริมาณมาก

ฟังก์ชันการใช้งาน & การแยกโซน:
จะมีการแบ่งประตูระหว่างโซนเย็น (ช่องแช่เย็น) และโซนแช่แข็ง (ช่องฟรีซ) อย่างชัดเจนโดยแต่ละประตูจะควบคุมและรักษาอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รบกวนกัน แช่ของแช่แข็งจำนวนมากได้โดยไม่กังวลน้ำแข็งเกาะ มีเทคโนโลยีละลายน้ำแข็งอัตโนมัติและตัวเลือกมากมายในการปรับอุณหภูมิ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเก็บอาหารสด แช่เครื่องดื่ม อาหารแช่แข็ง เนื้อสัตว์ หรือไอศกรีมปริมาณมาก




จุดเด่น:

  • แยกการใช้งานโซนเย็นและแช่แข็งได้ชัดเจน

  • ช่องแช่แข็งใหญ่ จุของได้เยอะ

  • มีฟีเจอร์เสริม เช่น ระบบกำจัดกลิ่น, เทคโนโลยีประหยัดไฟ หรือละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ

  • เหมาะกับครอบครัวใหญ่หรือผู้ที่ชอบกักตุนอาหาร

ข้อจำกัด:

  • ขนาดใหญ่ ต้องใช้พื้นที่ติดตั้งมากขึ้น

  • ราคาสูงกว่าตู้เย็น 1 ประตู

  • อาจกินไฟมากขึ้นถ้าใช้งานหนัก


 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อตู้เย็น 1 หรือ 2 ประตู



การเลือกซื้อตู้เย็นสักเครื่อง ถือเป็นการลงทุนที่สำคัญสำหรับทุกครัวเรือน เพราะตู้เย็นเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าหลักที่ช่วยรักษาคุณภาพอาหารและเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน สำหรับคนที่กำลังลังเลระหว่างตู้เย็น 1 ประตู กับ 2 ประตู


 1.ทำความเข้าใจโครงสร้างและการใช้งานของตู้เย็นแต่ละแบบ

  • ตู้เย็น 1 ประตู
    ตู้เย็นรุ่นนี้มีประตูเพียงบานเดียว โดยภายในจะมีช่องเย็นและช่องแช่แข็งอยู่รวมกัน ตัวช่องแช่แข็งมักจะอยู่ด้านบนของตู้ มีความจุเล็กถึงปานกลาง เหมาะกับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด และต้องการตู้เย็นขนาดกะทัดรัด

  • ตู้เย็น 2 ประตู
    มาพร้อมกับประตูแยกส่วนอย่างชัดเจน ระหว่างช่องแช่เย็นและช่องแช่แข็ง ทางเลือกที่เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการเก็บอาหารสดและแช่แข็งอย่างเป็นสัดส่วน เพื่อควบคุมอุณหภูมิในแต่ละช่องได้ดีขึ้น

2.ขนาดและพื้นที่ใช้งาน

  • ขนาดพื้นที่วางตู้เย็น
    ตู้เย็น 1 ประตูเหมาะกับพื้นที่เล็ก เช่น ห้องคอนโด ห้องพัก หรือบ้านขนาดเล็ก ขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก
    ตู้เย็น 2 ประตูใช้พื้นที่มากกว่า เหมาะกับบ้านขนาดกลางถึงใหญ่ หรือครอบครัวที่ต้องการพื้นที่เก็บของมากขึ้น

  • ความจุเหมาะสมกับจำนวนสมาชิก
    เลือกความจุให้สัมพันธ์กับจำนวนคนในบ้าน เช่น บ้านที่มี 1-2 คน อาจเลือก 1 ประตูที่ 3-6 คิว ส่วนครอบครัว 3-5 คนควรเลือก 2 ประตู ขนาด 10-16 คิว

 3.ฟีเจอร์และเทคโนโลยี

  • ตู้เย็น 1 ประตู โดยทั่วไป มีฟีเจอร์พื้นฐาน ไม่ซับซ้อน ทำให้ใช้งานง่ายและซ่อมบำรุงสะดวก แต่บางรุ่นก็มีระบบประหยัดไฟฟ้าหรือฟังก์ชันช่วยลดกลิ่นได้บ้าง

  • ตู้เย็น 2 ประตู มักมีฟีเจอร์หลากหลายมากขึ้น เช่น ระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ ระบบกรองอากาศ และโซนควบคุมอุณหภูมิได้หลายระดับ ซึ่งจะช่วยรักษาความสดของอาหารได้ดีกว่า

4. การประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย

การใช้ไฟฟ้าของตู้เย็น 1 ประตูมักต่ำกว่าตู้เย็น 2 ประตู เนื่องจากขนาดเล็กกว่าและระบบทำความเย็นไม่ซับซ้อน
อย่างไรก็ตาม ตู้เย็น 2 ประตูที่มีเทคโนโลยี Inverter และระบบประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ ๆ ก็สามารถช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้มาก และคุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว


5. การดูแลรักษาและความสะดวกในการใช้งาน

  • ตู้เย็น 1 ประตูต้องละลายน้ำแข็งเองเมื่อเกิดน้ำแข็งเกาะ (ในบางรุ่น) และช่องแช่แข็งมีขนาดเล็ก

  • ตู้เย็น 2 ประตูมักมาพร้อมระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ ช่องแช่แข็งใหญ่ แยกชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการจัดเก็บและหยิบอาหาร แต่ต้องทำความสะอาดและดูแลหลายส่วน


6. งบประมาณและความคุ้มค่า

  • ตู้เย็น 1 ประตูเหมาะสำหรับผู้มีงบจำกัด หรือต้องการรุ่นที่ง่ายและประหยัดไฟ

  • ตู้เย็น 2 ประตูเหมาะกับผู้ที่พร้อมลงทุนเพื่อความสะดวก ฟีเจอร์ครบครัน และใช้งานในครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่


7. เคล็ดลับการเลือกตู้เย็นให้เหมาะกับคุณ

  • วัดขนาดพื้นที่ก่อนซื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาตู้เย็นวางไม่ได้หรืออึดอัด

  • ประเมินจำนวนผู้ใช้งานและปริมาณอาหารที่ต้องเก็บประจำวัน

  • ศึกษาระบบประหยัดพลังงานและฟีเจอร์เสริมให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์

  • เช็ครีวิวและการรับประกันจากผู้ผลิต เพื่อความมั่นใจในคุณภาพ


เลือกตู้เย็นแบบ 1 และ 2 ประตู ยี่ห้อไหนดี เรามีแบร์นCHiQมาแนะนำ?


  1. CHiQ ตู้เย็น 2 ประตู ขนาด 4.9 คิว รุ่น CTM138LS สีเทา

    

 


  • ตู้เย็น 2 ประตู เหมาะสำหรับครอบครัว 3 คนขึ้นไป หรือผู้ที่ต้องการเก็บอาหารแช่เย็น

และแช่แข็งปริมาณมาก


จุดเด่นสินค้า

  • สัมผัสประสบการณ์การเก็บรักษาอาหารที่ยอดเยี่ยมด้วยตู้เย็น CHiQ สองประตู ขนาด 4.9 คิว รุ่น CTM138LS สีเทา

  • ความจุ 138 ลิตร เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด

  • การออกแบบที่ทันสมัย สีเทาสวยงาม

  • ประหยัดพลังงานด้วยการใช้ไฟฟ้าต่ำ

  • เสียงเงียบกวนใจน้อย ทำให้คุณไม่ต้องรำคาญ


2. CHiQ ตู้เย็นมินิบาร์ ขนาด 3Q รุ่น CSR92DS สีเงิน


  • ตู้เย็น 1 ประตูจะมีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เหมาะสำหรับหอพัก คอนโด หรือบ้านคนโสด/ครอบครัวขนาดเล็ก

 

จุดเด่นสินค้า

สัมผัสความสะดวกสบายและสไตล์ที่ไม่เหมือนใครด้วย CHiQ ตู้เย็นมินิบาร์ขนาด เหมาะสำหรับการจัดเก็บเครื่องดื่มและของว่างในห้องนอนหรือสำนักงาน ด้วยน้ำหนักเบาเพียง 19 กก. สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกการออกแบบที่ทันสมัยและสีเงินที่หรูหรา เข้ากับทุกมุมของบ้านประหยัดพลังงานด้วยการใช้ไฟฟ้าต่อปีเพียง 270 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟฟ้าอีกต่อไป


  • CHiQ ตู้เย็นขนาดเล็กประตูเดียว 92 ลิตร, 3Q รุ่น CSR92DS

  • ขนาดสินค้า กว้าง x ลึก x สูง (มม.):474*447*831

  • กำลังไฟฟ้าเข้าที่กำหนด วัตต์:60

  • กระแสไฟฟ้าที่กำหนด แอมป์:0.45

  • เสียงรบกวน เดซิเบล:41





เนื้อหาที่คล้ายกัน