การเลือกแอร์บ้านให้เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของความเย็นสบายเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อ ประสิทธิภาพการทำงาน ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และ อายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ
1. แอร์ติดผนัง (Wall Type)
เป็นแอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับบ้านพักอาศัย เพราะติดตั้งง่าย มีขนาดกะทัดรัด และมีราคาไม่แพง เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดเล็กถึงปานกลาง เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงาน
ข้อดี: ราคาถูก, มีให้เลือกหลากหลายรุ่น, ดีไซน์สวยงาม, ใช้งานง่าย
ข้อจำกัด: ไม่เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่มาก
2. แอร์ตั้งพื้น (Floor Standing Type)
เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่หรือพื้นที่กว้างขวาง เช่น ห้องประชุม ห้องโถง หรือห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ เพราะสามารถทำความเย็นได้รวดเร็วและกระจายลมได้ทั่วถึง
ข้อดี: ทำความเย็นได้เร็ว, ติดตั้งง่าย, เคลื่อนย้ายได้ (บางรุ่น)
ข้อจำกัด: มีขนาดใหญ่, ใช้พื้นที่ในการติดตั้ง
3. แอร์แขวนใต้ฝ้า (Ceiling Type)
เป็นแอร์ที่ติดตั้งแบบแขวนเพดาน เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีฝ้าเพดานสูง เช่น โชว์รูม ร้านอาหาร หรือสำนักงาน มีข้อดีคือช่วยประหยัดพื้นที่บนผนัง และกระจายลมเย็นได้ดี
ข้อดี: ประหยัดพื้นที่, ทำความเย็นได้ดี, กระจายลมได้ทั่วถึง
ข้อจำกัด: ราคาค่อนข้างสูง, การติดตั้งมีความซับซ้อน
เคล็ดลับสำคัญในการเลือกแอร์ให้เหมาะกับห้อง
1. เลือกขนาด BTU (British Thermal Unit)
ให้เหมาะสม BTU คือหน่วยวัดความสามารถในการทำความเย็นของแอร์ การเลือก BTU ที่เหมาะสมกับขนาดห้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้า BTU น้อยเกินไป แอร์จะทำงานหนักและเปลืองไฟ แต่ถ้า BTU มากเกินไป แอร์จะตัดการทำงานบ่อยครั้ง ทำให้ห้องไม่เย็นฉ่ำและเปลืองไฟไม่ต่างกัน
สูตรคำนวณ BTU แบบง่าย: BTU = พื้นที่ห้อง (ตารางเมตร) x ค่าตัวแปร
ห้องปกติ (ไม่โดนแดด): ค่าตัวแปร 700 - 800
ห้องที่โดนแดดหรือมีคนเยอะ: ค่าตัวแปร 800 - 900
ตัวอย่าง: ห้องนอนขนาด 4 x 4 เมตร (พื้นที่ 16 ตารางเมตร) x 800 = 12,800 BTU ควรเลือกแอร์ขนาด 13,000 BTU
2. เลือกประเภทคอมเพรสเซอร์ (Inverter vs. Non-Inverter)
แอร์ Non-Inverter: เมื่อทำความเย็นถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ คอมเพรสเซอร์จะหยุดทำงาน และจะเริ่มทำงานใหม่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เปิดแอร์เป็นระยะเวลาสั้น ๆ
แอร์ Inverter: คอมเพรสเซอร์จะทำงานตลอดเวลาแต่ปรับรอบการทำงานให้ช้าลงเมื่อห้องเย็นแล้ว ทำให้ประหยัดพลังงานมากกว่าและรักษาอุณหภูมิห้องให้คงที่ได้ดีกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่เปิดแอร์เป็นเวลานาน ๆ
3. พิจารณาคุณสมบัติเพิ่มเติม
ระบบฟอกอากาศ (Air Purifying System): ช่วยกรองฝุ่น PM2.5 และเชื้อโรคต่าง ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้
โหมด Sleep และโหมดประหยัดพลังงาน: ช่วยให้ประหยัดไฟและนอนหลับสบาย
การเชื่อมต่อ Wi-Fi (Smart Air Conditioner): ควบคุมการทำงานของแอร์ผ่านสมาร์ทโฟนได้
Gold Fin Evaporator คอยล์เย็นเคลือบสารป้องกันการกัดกร่อนสีทองSelf Clean+ ระบบทำความสะอาดคอยล์เย็นช่วย ลดกลิ่นอับชื้น และยืดอายุการใช้งาน Micro Clean Filter แผ่นกรองอากาศเสริมลดฝุ่น PM2.5 ช่วยให้อากาศสะอาดสดชื่นขณะใช้งาน Zone follow ปรับระดับอุณหภูมิในห้องตามที่กำหนดแบบเรียลไทม์Jet Cool เย็นเร็วทันใจเพียงปลายนิ้วสัมผัส
นอกจากนี้ การเลือกประเภทแอร์ที่เหมาะสม เช่น แบบติดผนัง เหมาะกับห้องขนาดเล็กถึงกลาง หรือแบบตั้งพื้นและฝังเพดานสำหรับห้องใหญ่ จะช่วยให้การกระจายความเย็นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ควรเลือกระบบแอร์อินเวอร์เตอร์ที่ประหยัดไฟ และตรวจสอบฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพื่อความคุ้มค่าในระยะยาว ไม่ควรมองข้ามบริการหลังการขายและการติดตั้งโดยช่างมืออาชีพ เพื่อให้แอร์บ้านทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน
สุดท้าย อย่าลืมดูแลรักษาแอร์อย่างสม่ำเสมอ เช่น การทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ ตรวจสอบน้ำยาแอร์ และตรวจสอบเสียงหรือกลิ่นผิดปกติ เพื่อให้แอร์บ้านของคุณอยู่กับคุณได้นานและทำงานได้ดีที่สุด
เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์
Line@: @globalhouse
Instagram: globalhouse_official
YouTube: Global House โกลบอลเฮ้าส์
TikTok: globalhouseofficial
Twitter: @globalhouseth
App Click&Collect
บริการช่างดี
App ช่างดี
Facebook: ChangDeeService
Line Official: @Changdee
Youtube ChangD
เนื้อหาที่คล้ายกัน