img


เคล็ดลับการเลือกเหล็กก่อสร้างมาตรฐาน

การเลือกเหล็กก่อสร้างมาตรฐานเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการรับรองความแข็งแรงและความปลอดภัยของโครงสร้างที่ใช้เหล็กในการก่อสร้าง การเลือกเหล็กที่ดีจะช่วยให้โครงสร้างมีอายุการใช้งานยาวนาน และสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี ในการเลือกเหล็กก่อสร้างที่เหมาะสม ต้องพิจารณาหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด เจาะลึกเกี่ยวกับการเลือกเหล็กก่อสร้างมาตรฐานกับบทความโกลบอลไอเดียนี้ได้เลย



วิธีการเลือกเหล็กก่อสร้างมาตรฐาน


1. ประเภทของเหล็กก่อสร้าง

เหล็กที่ใช้ในงานก่อสร้างมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน


เหล็กเส้นกลม (Round Bar) คือ ลักษณะผิวเป็นเรียบ มีหน้าตัดเป็นรูปกลม ไม่มีรอยสนิมขรุขระ ผ่านกรรมวิธีการรีดร้อน (Hot Rolling) ซึ่งคือกระบวนการที่เหล็กแท่งจะถูกนำไปให้ความร้อนที่อุณหภูมิสูงมาก และจากนั้นจะถูกรีดผ่านแม่พิมพ์เพื่อให้ได้รูปร่างตามที่ต้องการ

  • คุณสมบัติ: เหล็กเส้นกลมจะมีความยืดหยุ่นและความต้านทานแรงดึงที่ค่อนข้างสูง แต่มีความแข็งแรงน้อย เมื่อเทียบกับเหล็กประเภทอื่นๆแต่มีความยืดหยุ่นดี
  • ขนาดและความหนา: ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 - 34 มม. ความยาวมาตรฐานอยู่ที่ 10 และ 12 เมตร ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
  • การใช้งาน: ใช้ในงานก่อสร้างทั่วไปที่ไม่ต้องการรับน้ำหนักมาก และไม่เน้นงานยึดเกาะ เช่น ปลอกเสา ปลอกคาน และงานก่อสร้างทั่วไป งานก่อสร้างขนาดเล็กและขนาดกลาง ใช้ในงานเชื่อม ประกอบกล่องเหล็ก สามารถนำไปดัดเป็นรูปทรงที่ต้องการใช้งาน เช่น รั้ว หรือวัสดุตกแต่งต่างๆ
  • มาตรฐาน: เหล็กเส้นกลมที่ใช้ในงานก่อสร้างควรมีการผลิตตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 20-2559 ซึ่งกำหนดเกี่ยวกับเหล็กเสริมคอนกรีต


เหล็กเส้นข้ออ้อย (Deformed Bar) มีหน้าตัดเป็นรูปกลม มีลักษณะเป็นปล้องๆคล้ายอ้อยบนผิวเหล็ก ทำให้เหมือนกับข้ออ้อย ช่วยให้เหล็กยึดเกาะกับคอนกรีตได้ดี ทำให้สามารถรับน้ำหนักได้ดีขึ้น ผ่านกรรมวิธีการรีดร้อน (Hot Rolling) โดยเหล็กแท่งจะถูกให้ความร้อนจนถึงอุณหภูมิสูงและถูกรีดผ่านแม่พิมพ์ เพื่อสร้างเป็นเส้นกลมที่มีปล้องตามที่ต้องการ

  • คุณสมบัติ: เหล็กประเภทนี้มีลักษณะผิวที่มีลวดลายหรือข้ออ้อย ช่วยให้การยึดเกาะกับคอนกรีตได้ดีขึ้น เหล็กเส้นข้ออ้อยได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกดและแรงดึงได้ดี การเคลือบผิวที่มีคุณภาพอาจช่วยเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อนได้
  • ขนาด: ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 - 40 มม. ความยาวมาตรฐานอยู่ที่ 10 และ 12 เมตร ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานที่ต้องรับน้ำหนักมาก งานก่อสร้างที่ต้องการความยึดเกาะสูง การเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างคอนกรีต เช่น คอนกรีตเสริมเหล็กในอาคารสูง, คอนโดมีเนียม,  สะพาน, สนามบิน, อาคารอุตสาหกรรม หรือโครงสร้างที่ต้องรับแรงกดและแรงดึงสูง
  • มาตรฐาน: เหล็กเส้นข้ออ้อยจะมีการผลิตตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 24-2559 ซึ่งกำหนดคุณสมบัติที่สำคัญ เช่น ความต้านทานแรงดึงและความทนทานต่อการเสื่อมสภาพ


>> ดูสินค้าเหล็กเส้น <<



เหล็กรูปพรรณ (Structural Steel) มี 2 ประเภท ดังนี้


1. เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดเย็น (Cold Formed Structural Steel)
เป็นเหล็กที่ผลิตโดยผ่านกระบวนการรีดในสภาพเย็น ซึ่งช่วยให้ได้รูปร่างและขนาดตามที่ต้องการโดยไม่ต้องให้ความร้อนสูงมากนัก

  • เหล็กท่อดำ (Carbon Steel Tubes)
  • เหล็กกล่องเหลี่ยม (Carbon Steel Square Pipes)
  • เหล็กกล่องแบน (Carbon Steel Rectangular Pipes)
  • เหล็กตัวซี (C Light Lip Channel)
  • เหล็กแบน (Flat Bars Steel)


เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดเย็น

  • คุณสมบัติ: มักมีน้ำหนักเบากว่า เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการลดน้ำหนักของโครงสร้าง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการตกแต่ง สามารถตัด ตัดดัด หรือเชื่อมได้ง่าย ทำให้เหมาะสำหรับการประยุกต์ใช้งานที่หลากหลาย
  • การใช้งาน: ใช้ในการทำโครงสร้างต่าง ๆ เช่น อาคาร คลังสินค้า และโครงสร้างชั่วคราว ใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ และชิ้นส่วนตกแต่งต่างๆ ใช้ในการผลิตท่อหรือกล่องที่ใช้ในระบบทางการพาณิชย์ ใช้ในการทำโครงสร้างสำหรับการติดตั้งผนังหรือโชว์รูม แผงตกแต่ง และการจัดเก็บ
  • มาตรฐาน: เหล็กโครงสร้าง รูปพรรณขึ้นรูปเย็นสําหรับงานโครงสร้างทั่วไป ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 1228−2561


2. เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (Hot Formed Structural Steel)
เหล็กที่ผ่านกระบวนการหลอมจากเตาที่มีอุณหภูมิสูงในจุดหลอมเหลว ผสมกับส่วนผสมทางเคมีให้ได้สัดส่วนตามที่ต้องการ แล้วนำไปเข้าเตาหล่อและรีดร้อนอีกครั้งเพื่อตัดตามรูปทรงที่ต้องการ ทำให้ได้เหล็กที่มีเนื้อเหนียวและทนทาน สามารถรับน้ำหนักและแรงต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

  • เหล็กไวด์แฟรงค์ (Wide-Flange)
  • เหล็กเอชบีม (H – BEAM)
  • เหล็กไอบีม (I – BEAM)
  • เหล็กฉาก (Angle-Bar)
  • เหล็กรางน้ำ (C-Channel)
  • เหล็กรางพับ (Light Channel)


เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน

  • คุณสมบัติ: เหล็กที่ผลิตด้วยกระบวนการรีดร้อนมีความแข็งแรงที่สูงกว่าเหล็กรีดเย็น เนื่องจากโครงสร้างผลึกของเหล็กจะมีการจัดเรียงที่ดีขึ้นในระหว่างกระบวนการรีดร้อน เหล็กมีความทนทานต่อการแตกหักได้
  • การใช้งาน: ใช้ในการก่อสร้างและโครงสร้างต่างๆ เช่น อาคารสูง, โรงงาน, และคลังสินค้า ใช้สร้างสะพาน ถนน และทางด่วน ใช้ในโครงสร้างรองรับหลังคาและแปหลังคา
  • มาตรฐาน: เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ รีดร้อน ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 1227-2558


>> ดูสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ <<


2. ตรวจสอบมาตรฐานของเหล็ก

  • ในประเทศไทยสามารถเลือกเหล็กที่ได้รับการรับรองจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ 
  • การทดสอบคุณสมบัติทางกลของเหล็ก เช่น การทดสอบแรงดึง การทดสอบการยืดตัว การทดสอบการหัก การทดสอบความแข็ง และการทดสอบการทนทานต่อการกัดกร่อน 
  • การตรวจสอบรูปลักษณ์และคุณภาพผิวของเหล็ก รวมทั้งการตรวจสอบขนาดและความยาว


3. การพิจารณาความแข็งแรงของเหล็ก

  • ความต้านทานการยืดหยุ่น (Yield Strength) ค่าความยืดหยุ่นที่เหล็กสามารถทนต่อแรงดึงได้ โดยที่ยังคงไม่เกิดการเปลี่ยนรูปถาวรหรือแตกหัก
  • ความต้านทานแรงดึงสูงสุด (Tensile Strength) ค่าความต้านทานแรงดึงสูงสุดที่เหล็กสามารถรับได้เมื่อได้รับแรงดึงจนขาด
  • การยืดตัว (Elongation) การยืดตัวที่เกิดขึ้นก่อนที่เหล็กจะขาด โดยปกติจะวัดเป็นเปอร์เซ็นต์จากความยาวเริ่มต้นของเหล็ก
  • การทดสอบการบิด (Bend Test) เหล็กที่มีความแข็งแรงสูงจะทนต่อการบิดงอได้ดี โดยไม่เกิดการร้าวหรือแตกหัก
  • การทดสอบความแข็ง (Hardness Test) วัดความแข็งของเหล็กที่เกี่ยวข้องกับการทนทานต่อการขีดข่วนหรือการถูกกระแทก


4. การตรวจสอบรูปลักษณ์และคุณภาพผิว

  • การตรวจสอบลักษณะผิวของเหล็ก เหล็กที่ได้มาตรฐานจะต้องมีลักษณะผิวที่สะอาด ไมีมีรอยสนิม ไม่มีรอยแตก รอยร้าว รอยบุบ หรือการบิดงอที่เกิดจากการผลิตที่ผิดปกติ ผิวของเหล็กต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น เหล็กเส้นข้ออ้อยจะต้องมีลวดลายที่ผิวตามลักษณะข้ออ้อยเพื่อช่วยยึดเกาะกับคอนกรีต
  • การตรวจสอบขนาดและความยาว โดยขนาดและความยาวของเหล็กที่ผลิตต้องตรงตามมาตรฐานที่กำหนด


5. ตรวจสอบการเคลือบผิวของเหล็ก

  • สำหรับการใช้งานที่ต้องการป้องกันการเกิดสนิม ควรเลือกเหล็กที่มีการเคลือบผิว เช่น เหล็กกัลวาไนซ์  เหล็กเคลือบสังกะสี หรือ เหล็กที่ทาสีป้องกันสนิม ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือการกัดกร่อน


6. การตรวจสอบจากผู้ผลิต

  • ใบรับรองคุณภาพ ผู้ผลิตเหล็กที่มีมาตรฐานจะต้องให้ใบรับรองคุณภาพของเหล็กที่ผลิต ซึ่งจะรวมถึงข้อมูลเชิงเทคนิค เช่น ค่าความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และผลการทดสอบต่างๆ
  • ตรวจสอบประวัติและความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต เลือกซื้อเหล็กจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงและมีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์


7. พิจารณาต้นทุนและราคา

  • เมื่อเลือกเหล็กที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพสูงแล้ว ยังต้องพิจารณาด้วยว่าราคาเหมาะสมกับงบประมาณหรือไม่
  • คำนึงถึงความคุ้มค่าระยะยาวจากการใช้งาน เช่น เหล็กที่มีคุณภาพสูงจะช่วยลดการซ่อมแซมและมีอายุการใช้งานยาวนาน




สรุปบทความ

การตรวจสอบมาตรฐานของเหล็กเป็นขั้นตอนสำคัญในการรับรองว่าเหล็กที่ใช้งานนั้นมีคุณภาพสูงและสามารถรองรับแรงต่างๆ ในงานก่อสร้างได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การทดสอบทางกล การตรวจสอบลักษณะผิว การรับรองจากหน่วยงานต่างๆ และการทดสอบการใช้งานในสภาพจริงจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเหล็กที่ใช้นั้นเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

โกลบอลเฮ้าส์ คลังเหล็กคุณภาพดีและมีมาตรฐาน มีทั้งเหล็กสำหรับงานโครงสร้างและตกแต่งที่หลากหลายรูปแบบ หากคุณกำลังมองหาเหล็กคุณภาพดี ราคาคุ้มค่า มีให้เหลือกหลากหลาย ต้องที่โกลบอลเฮ้าส์ ทุกสาขาทั่วประเทศ


คุ้มค่าไปอีกขั้นแค่ สมัครสมาชิกโกลบอลคลับ ฟรี พร้อมรับสิทธิพิเศษ สำหรับ สมาชิกโกลบอลคลับ เพียงช้อปครบ 50 บาท รับ 1 คะแนน สะสมโกลบอลคลับสะสมคะแนน เพื่อแลกเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า ที่โกลบอลเฮ้าส์ทุกสาขา ทั่วประเทศ

  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม 1,000 คะแนน แลกรับคูปองแทนเงินสด 100 บาท

  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม 9,000 คะแนน แลกรับคูปองแทนเงินสด 1,000 บาท

  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม แลกซื้อเครื่องดื่ม ที่ลามายอนคอฟฟี่ทุกสาขา

  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ ใช้คะแนนนจ่ายแทนเงินสดที่ร้านค้าถุงเงิน ผ่าน แอป Global House Click&Collect อ่านเพิ่ม >> พอยท์เพย์ คลิก <<


Global House จัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และของตกแต่งบ้าน ให้คุณครบจบในที่เดียว


เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่


ช่องทางติดต่อ บริการช่างดี




เนื้อหาที่คล้ายกัน