เครื่องดูดฝุ่น (Vacuum Cleaner) เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกบ้านควรมี! เพราะสามารถกำจัดฝุ่นที่ซ่อนตัวอยู่ตามจุดต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เครื่องดูดฝุ่นในปัจจุบันก็มีให้เลือกหลายแบบ ทำเอาบางคนเลือกไม่ถูกเลยว่าจะซื้อเครื่องดูดฝุ่นในบ้านแบบไหนดี ทั้งเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย, เครื่องดูดฝุ่นมือถือไร้สาย, เครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามจับ, เครื่องดูดฝุ่นแบบกล่อง, หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเสียงเบา ฯลฯ แล้วเราจะเลือกเครื่องดูดฝุ่นในบ้านแบบไหนดีล่ะ? ที่ใช้งานง่าย จัดเก็บสะดวก และคนส่วนใหญ่เลือกใช้กัน Global House มีคำตอบ! พร้อมเอาวิธีใช้เครื่องดูดฝุ่นที่ถูกต้องมาฝากกันอีกด้วย
หัวข้อไฮไลท์
รู้ไหมว่าทุกที่ภายในบ้านของเรามีฝุ่นอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบนเตียง, ใต้เตียง, ในพัดลม, พื้น, มุมผนัง, ด้านบนตู้ ฯลฯ เพราะทุกที่ที่อากาศสามารถเข้าถึงได้ ฝุ่นก็เข้าถึงได้เช่นกัน เนื่องจากฝุ่นต่างๆ มักจะล่องลอยไปตามอากาศ และแน่นอนว่าทุกๆ วัน เราจะต้องมีการสูดฝุ่นเข้าในร่างกายไม่มากก็น้อย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อร่างกาย อย่างอาการจาม แสบตา คันตา น้ำมูกไหล น้ำตาไหล คันคอ ไอ และไปจนถึงขั้นมีปัญหาเกี่ยวกับปอดได้เลย ดังนั้น เครื่องดูดฝุ่นจึงเป็นอีกไอเท็มหนึ่งที่คุณควรมีติดบ้านไว้นั่นเอง
อย่างที่เราได้เกริ่นไปข้างต้นว่าเครื่องดักจับไรฝุ่นมีอยู่หลายแบบเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจุดประสงค์ของแต่ละแบบจะอยู่ที่การกำจัดฝุ่นเหมือนกัน แต่การทำงานของเครื่อง ความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงราคานั้นไม่เหมือนกันแน่นอน เรามาดูกันดีกว่าว่าเครื่องดูดฝุ่นแต่ละแบบเป็นอย่างไร และควรเลือกเครื่องดูดฝุ่นในบ้านแบบไหนดี
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น (Robot Vacuum) เป็นเครื่องดูดฝุ่นที่เหมาะกับคนยุคใหม่ที่มีเวลาน้อยสุดๆ เพราะมันคือเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะที่สามารถดูดฝุ่นได้แบบอัตโนมัติ โดยการใช้ระบบนำทางของตัวเอง และสามารถทำความสะอาดบ้านให้คุณได้อย่างทั่วถึงทุกซอกทุกมุม ความพิเศษของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ทำให้ต่างจากเครื่องดูดฝุ่นแบบอื่นๆ อยู่ที่ระบบนำทาง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระบบ ดังนี้
1. Infrared Sensor เป็นการใช้เซนเซอร์อินฟราเรดรอบๆ ตัวเครื่อง ส่งสัญญาณออกไปหาพื้นที่ว่างและทำความสะอาด หากเครื่องมีการชนก็จะเด้งตัวกลับมา
2. Mapping Camera หรือการสร้างแผนที่จำลองจากกล้องขนาดเล็กเหนือตัวเครื่อง เมื่อเก็บภาพได้แล้วก็จะนำไปประมวลผลและนำไปเป็นเส้นทางในการวิ่ง
3. Laser Distance Sensor การใช้เลเซอร์ในการวัดระยะทางและตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบตัวเครื่อง
Viomi Robot Vacuum Cleaner S9 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ สามารถเลือกโหมดการทำงานได้ 3 รูปแบบ มาพร้อมถังเก็บไรฝุ่นขนาด 3 ลิตรที่สามารถใช้งานได้นาน 1 เดือน มีระบบการนำทางแบบ Laser Distance Sensor สามารถข้ามสิ่งกีดขวางที่มีความสูงต่ำกว่า 2 เซนติเมตรได้แบบสบายๆ ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 5,200 mAh ใช้งานได้นานต่อเนื่อง 220 นาที พลังในการดูด 2,700 PA พลังงาน 50w ตัวเครื่องมีขนาด 43.5 x 41.1 x 41.1 cm น้ำหนัก 3.8 กิโลกรัม
สนใจสินค้า คลิก > Viomi Robot Vacuum Cleaner S9
เครื่องดูดฝุ่นมือถือ (Handheld Vacuum) เป็นเครื่องทำความสะอาดไร้สายที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด ไม่มีสายห้อยระโยงระยาง หยิบจับสะดวก และถือถนัดมือ สามารถนำไปดูดฝุ่นได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งที่สูงและที่ต่ำตามความต้องการ ซึ่งส่วนมากมักจะถูกใช้ในการดูดฝุ่นในรถยนต์หรือตู้สูงๆ เป็นหลัก
ถ้าเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อเครื่องดูดฝุ่นในบ้านแบบไหนดี เครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบด้ามจับ (Cordless Stick Handheld Vacuum) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่อยากแนะนำอย่างยิ่ง เพราะใช้งานง่าย สามารถจัดการฝุ่นที่อยู่บนพื้นได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยผ่อนแรงได้มาก นอกจากนี้ ยังช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บได้อีกด้วย จึงเหมาะกับคนที่อาศัยอยู่ในหอพัก คอนโด หรือบ้านขนาดเล็กอย่างมาก
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย MIDEA รุ่น MVC-X8 เครื่องดูดฝุ่นไร้สายมาพร้อมฟังก์ชันการทำความสะอาดแบบ 3 In 1 สามารถดูดฝุ่น ถูพื้น และขัดพื้นได้พร้อมๆ กัน สามารถทำความสะอาดตัวเองได้, มีแท็งก์น้ำ 2 แท็งก์ แยกกันระหว่างน้ำสะอาดและน้ำเสีย, มีไฟแจ้งเตือนแบบ LED, ล้อหมุนอัตโนมัติช่วยเบาแรง, ระบบ Infrared Sensor และหน้าจอ LCD ที่เข้ามาช่วยให้การทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องง่าย ขนาด 26 x 29 x 100 เซนติเมตร (กว้าง x ยาว x สูง)
สนใจสินค้า คลิก > เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย MIDEA รุ่น MVC-X8
เครื่องดูดฝุ่นแบบกล่องเก็บฝุ่น ประกอบไปหัวแปรงดูดฝุ่น ด้ามจับ และกล่องเก็บฝุ่น ซึ่งคุณสามารถมองทะลุผ่านกล่องเก็บฝุ่นที่มีลักษณะโปร่งใสได้ตลอดเวลา เพื่อเช็กว่าดูดฝุ่นได้เยอะมากแค่ไหนแล้ว และถึงเวลานำฝุ่นไปทิ้งหรือยัง โดยเครื่องดูดฝุ่นประเภทนี้ช่วยกำจัดฝุ่นได้ดี มีแรงในการดูดฝุ่นสูง แต่มีข้อจำกัดตรงที่เคลื่อนย้ายลำบาก
เครื่องดูดฝุ่น SAMSUNG รุ่น VC15K4135VL/ST มีกล่องเก็บฝุ่นขนาด 1.3 ลิตร ลักษณะโปร่งใสอยู่ด้านหน้า ถอดออกง่าย สามารถทิ้งฝุ่นได้อย่างรวดเร็ว มาพร้อมแผ่นกรอง HEPA 13 Filter ช่วยกรองเชื้อโรคได้มากถึง 99.97% มีตะแกรงพัดลมป้องกันการอุดตันของฝุ่นและเส้นผม ใช้กำลังไฟ 1,500 วัตต์ กำลังดูด 390 วัตต์ ขนาดของตัวเครื่อง 33.30 x 32.70 x 57.70 เซนติเมตร น้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม
สนใจสินค้า คลิก > เครื่องดูดฝุ่น SAMSUNG รุ่น VC15K4135VL/ST
การจะซื้อเครื่องดูดฝุ่นในบ้านแบบไหนดี ต้องมาพิจารณาหลายๆ เรื่องประกอบกันเสียก่อน เนื่องจากเครื่องดูดฝุ่นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสามัญประจำบ้านที่คุณต้องใช้งานบ่อยมาก การพิจารณาคุณสมบัติและฟังก์ชันอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ มาดูกันว่าสิ่งที่คุณควรพิจารณาก่อนซื้อเครื่องดูดฝุ่นมาใช้งานนั้นคืออะไรบ้าง?
บ้านใครมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดหรือพักอาศัยอยู่ในพื้นที่แคบๆ อย่างคอนโดหรือหอพัก แนะนำให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นมือถือไร้สาย หรือเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบมีด้ามจับ เพราะเครื่องดูดฝุ่นแบบนี้มีขนาดกำลังดีและสามารถจัดเก็บได้ง่าย ส่วนใครที่บ้านกว้าง มีหลายห้องให้ทำความสะอาด สามารถเลือกใช้ได้ทั้งเครื่องดูดฝุ่นแบบกล่องเก็บฝุ่น เครื่องดูดฝุ่นแบบถุงเก็บฝุ่น หรือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเลย
เวลาที่เครื่องดูดฝุ่นรุ่นเก่าๆ ทำงานนั้น บอกเลยว่าเสียงดังมาก! ดูดฝุ่นชั้นล่างแต่ได้ยินทะลุไปถึงชั้นบนเลยทีเดียว ทำให้รบกวนสมาชิกในบ้านกันอย่างถ้วนหน้า ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้เลือกเครื่องดูดฝุ่นที่เสียงเบาๆ จะเป็นการดีที่สุด
ก่อนซื้อเครื่องดูดฝุ่นมาใช้งาน อย่าลืมดูให้ดีว่าหัวดูดฝุ่นของเครื่องที่เรากำลังสนใจนั้น เหมาะกับพื้นบ้านหรือพื้นผิวในบริเวณที่เราต้องการทำความสะอาดหรือเปล่า สำหรับบ้านใครที่เป็นพื้นกระเบื้อง พื้นไม้ หรือพื้นที่ไม่อยากให้เกิดร่องรอยใดๆ แนะนำให้เลือกหัวแปรงนุ่มๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีรอยขีดข่วนเกิดขึ้น แต่ถ้าใครงบเยอะขึ้นมาอีกนิด การซื้อเครื่องดูดฝุ่นที่มีหัวแปรงหลายๆ แบบก็ดีเช่นกัน เพราะสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามพื้นผิวในแต่ละบริเวณนั่นเอง
หากคุณซื้อเครื่องดูดฝุ่นมา แต่ดันไม่มีฟังก์ชันหรือเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งาน คงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากแน่ๆ ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรพิจารณาพวกฟังก์ชัน โหมด หรือเทคโนโลยีของเครื่องดูดฝุ่นด้วยว่าตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้มากแค่ไหน เช่น ฟังก์ชันการทำความสะอาดแบบ 3 IN 1 (ดูดพื้น ถูพื้น ขัดพื้น), ดูดฝุ่นได้ทั้งแบบแห้งและแบบเปียก, ดูดฝุ่นเปียก พร้อมเป่าแห้ง, ใช้แผ่นกรอง HEPA ฯลฯ
สิ่งสุดท้ายที่อยากให้พิจารณาก่อนซื้อเครื่องดูดฝุ่นมาใช้งานคือมาตรฐาน เพราะมาตรฐานจะเป็นสิ่งการันตีว่าเครื่องดูดฝุ่นมีประสิทธิภาพและปลอดภัย อย่างแรกเลยให้เลือกแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก น่าเชื่อถือ, มีเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ (สมอ.), มีเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และมีเครื่องหมายประหยัดไฟเบอร์ 5 (ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า) เป็นต้น
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ บทความน่ารู้ ที่คุณไม่ควรพลาด! : 7 เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไรให้ประหยัดค่าไฟ
เมื่อเสียเงินซื้อเครื่องดูดฝุ่นมาใช้ทั้งที ควรทำความสะอาดเครื่องดูดฝุ่นให้ถูกต้อง เก็บรักษาให้ดี และดูแลให้เหมาะสมตามคำแนะนำที่แนบมา เพื่อยืดอายุการใช้งานออกไปให้นานที่สุด และนี่คือการดูแลรักษาเครื่องดูดฝุ่นที่คุณควรปฏิบัติตาม
1. เช็กสภาพเครื่องอย่างสม่ำเสมอ ทั้งก่อนและหลังการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบใดก็ตาม รวมถึงหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเสียงเบาด้วยเช่นกัน เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องดูดฝุ่นไม่เกิดการขัดข้อง และพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
2. ทำความสะอาดหัวแปรงทุกครั้ง เพื่อกำจัดคราบฝุ่นต่างๆ ที่ติดอยู่ที่หัวแปรงออกไป ตรงนี้จะช่วยให้เครื่องสามารถดูดฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูดเสร็จเร็ว และยังช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องได้ดีอีกด้วย
3. นำเศษฝุ่นไปทิ้งให้เรียบร้อย หลังจากที่ดูดฝุ่นเสร็จแล้วหรือก่อนเริ่มต้นการใช้งาน เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทภายในตัวเครื่องบ้าง
4. หมั่นเช็กท่อดูดฝุ่นเป็นระยะ เพราะเมื่อใช้งานไปนานๆ แล้ว ท่อดูดฝุ่นอาจเสื่อมสภาพได้ ทั้งขาด แตก หลุด รั่ว หรือหลวม ซึ่งถ้าฝืนใช้งานต่อไปอาจทำให้ฝุ่นที่เราดูดมันฟุ้งกระจายออกมาตามเดิมได้ อีกทั้งยังดูดฝุ่นได้ไม่เต็มประสิทธิภาพด้วย
5. ใช้งานตามความเหมาะสม ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นในการดูดฝุ่น เศษผม หรือเศษสิ่งสกปรกต่างๆ ที่มีขนาดเล็กเท่านั้น ไม่ควรใช้กำจัดของเหลวและวัตถุที่มีขนาดใหญ่ เช่น น้ำ น้ำยา เศษแก้ว ลูกปัด เหรียญ ฯลฯ เพราะอาจทำให้เครื่องเกิดการขัดข้องได้
6. ทำความสะอาดฟิลเตอร์ ฟิลเตอร์จะทำหน้าที่กรองฝุ่นละออง ไม่ให้ฝุ่นกระจายออกไปด้านนอกของตัวเครื่อง จึงทำให้มีฝุ่นและสิ่งสกปรกติดอยู่มากมาย แนะนำให้ถอดฟิลเตอร์มาทำความสะอาด หรือซื้ออันใหม่มาเปลี่ยน ในกรณีที่ฟิลเตอร์เสื่อมประสิทธิภาพไปแล้ว
7. เก็บสายไฟให้ถูกต้อง เครื่องดูดฝุ่นบางเครื่องจะมีสายไฟยาวๆ มาด้วย และสายไฟมักจะถูกเก็บไว้ภายในตัวเครื่อง ก่อนที่จะกดปุ่มเก็บสายไฟ แนะนำให้จัดแจงสายไฟให้มีลักษณะเป็นเส้นตรงให้เรียบร้อย ไม่บิดงอ เบี้ยว หรือทับซ้อนกัน เพื่อลดโอกาสที่สายไฟจะขาดและทำให้สายไฟพร้อมใช้งานในครั้งถัดไปมากที่สุด
สำหรับวิธีเปลี่ยนหัวเครื่องดูดฝุ่นนั้นก็สามารถทำได้ไม่ยาก ถึงแม้ว่าเครื่องดูดฝุ่นของแต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่น อาจมีวิธีเปลี่ยนหัวเครื่องดูดฝุ่นแตกต่างกัน แต่ก็มีวิธีที่ใช้กันเป็นมาตรฐานอยู่ คือ
1. ปลดล็อกหัวเครื่องดูดฝุ่นอันเก่าออก
2. นำหัวเครื่องดูดฝุ่นอันใหม่ไปใส่ให้ตรงล็อก
3. ล็อกหัวเครื่องดูดฝุ่นให้เรียบร้อย
4. สามารถใช้งานเครื่องดูดฝุ่นได้เลย!
เรียกได้ว่าบทความนี้จัดหนักจัดเต็มเรื่องการเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นกันสุดๆ ! หวังว่าผู้อ่านทุกคนจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้ไปไม่มากก็น้อย ทั้งในด้านของสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อเครื่องดูดฝุ่น วิธีดูแลรักษาเครื่องดูดฝุ่น และรวมไปถึงการตัดสินใจได้ว่าจะซื้อเครื่องดูดฝุ่นในบ้านแบบไหนดีด้วยเช่นกัน
สุดท้ายนี้ ก่อนจะจากกันไปขอฝากไว้อีกเล็กน้อย หากคุณกำลังมองหาเครื่องดูดฝุ่นคุณภาพดีและได้มาตรฐาน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในราคาสุดคุ้มค่า สามารถเลือกชมเลือกซื้อกับทาง Global House ได้เลย เพราะเราคือศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและวัสดุก่อสร้างครบวงจร!
เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global House ได้หลากหลายช่องทางที่
• Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์
• Line Official: @globalhouse
• App: Click&Collect
บริการช่างดี
• App ช่างดี
• Web ช่างดีบริการติดตั้ง
• Facebook: ChangDeeService
• Line Official: @Changdee
เนื้อหาที่คล้ายกัน