img


วิธีใช้เครื่องซักผ้า ยังไงให้เหมาะกับการใช้งาน?

เครื่องซักผ้า คือสิ่งอำนวยความสะดวกชิ้นสำคัญที่ช่วยแบ่งเบาภาระในการซักเสื้อผ้าไปได้เยอะ ช่วยขจัดกลิ่น และคราบสิ่งสกปรกบนเสื้อผ้าได้ดีกว่าซักมือเลยทีเดียว สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า วันนี้ โกลบอลเฮ้าส์ จะมาบอก วิธีใช้เครื่องซักผ้าแบบเบื้องต้น ไล่ตั้งแต่การแยกผ้าไปจนถึงการตั้งโปรแกรมซักเพื่อให้เสื้อผ้าของคุณสะอาด สดใส และยังช่วยถนอมเครื่องซักผ้าให้อยู่กับคุณไปนาน ๆ แต่ก่อนอื่น ขออธิบายให้เข้าใจกันก่อนว่า เครื่องซักผ้ามีกี่ประเภท


เครื่องซักผ้ามีกี่ประเภท


เครื่องซักผ้าที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน สามารถแยกออกได้ 2 ประเภท คือ เครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติ และเครื่องซักผ้าอัตโนมัติ โดยมีลักษณะดังนี้


1. เครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติ

เครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติ หรือที่ทุกคนเรียกว่า เครื่องซักผ้า 2 ถัง เป็นแบบฝาบนที่แยกระหว่าง ถังซัก กับถังปั่นแห้ง การใช้งานของเครื่องเข้าใจง่าย คือ ตั้งเวลาในการซัก, เลือกระดับของการปั่น, และตั้งเวลาในการปั่นแห้ง เริ่มต้นใช้งานโดยเปิดน้ำใส่ถัง ใส่น้ำยาซักผ้าลงไป นำผ้าใส่เข้าถังซัก และตั้งเวลาซัก เมื่อถังซักปั่นเสร็จก็นำผ้าไปใส่ในถังปั่นแห้งต่อ ทำแบบนี้กับขั้นตอนที่ซักน้ำเปล่า และน้ำยาปรับผ้านุ่มเสร็จแล้วค่อยนำไปตาก


2. เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ
เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ ถูกคิดค้นให้ทำงานโดยไม่ต้องควบคุมอะไรมากมาย แค่ให้ผู้ใช้งานใส่ผ้าลงเครื่อง พร้อมเทผงซักฟอก และเลือกโปรแกรมให้เหมาะกับเสื้อผ้า จากนั้นเครื่องจะทำงานตามขั้นตอนที่ตั้งไว้ โดยไม่ต้องมาเติมน้ำเอง หรือย้ายผ้าไปปั่นหมาด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก ประหยัดเวลา และต้องการถนอมผ้า สำหรับเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติ มี 2 ประเภทแยกย่อยออกไปอีกดังนี้


เครื่องซักฝาบน มีลักษณะถังเป็นแนวตั้งฝาเปิดด้านบน ซักผ้าด้วยระบบแบบหมุนบิด สามารถรองรับเสื้อผ้าได้ปริมาณมากๆ ในครั้งเดียว ซักได้แม้กระทั่งเครื่องนอนอย่างผ้านวม และผ้าปูที่นอน แต่เครื่องซักผ้ามีขนาดค่อนข้างใหญ่อาจต้องการพื้นที่สำหรับวางมากกว่าเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า


เครื่องซักฝาหน้า มีลักษณะถังซักวางเป็นแนวนอน ซักผ้าด้วยระบบหมุนกลับตัวถัง รองรับการซักผ้าได้หลากหลายประเภท ช่วยถนอมเส้นใยผ้าได้ดีและประหยัดน้ำในการซักได้ดี เหมาะกับการซักผ้าปริมาณไม่มากต่อหนึ่งครั้ง แต่ก็ยังสามารถซักเครื่องนอนได้เช่นกัน


เครื่องซักผ้าฝาหน้าและเครื่องซักผ้าฝาบนต่างกันอย่างไร

  • ประสิทธิภาพการทำความสะอาด เครื่องซักผ้าฝาหน้าสามารถกำจัดคราบฝังลึกได้ดีกว่า ด้วยลักษณะการทำงานแบบหนุนกลับของถังซัก ให้ประสิทธิภาพการทำความสะอาดที่ดีกว่า และทำให้เส้นใยเสื้อผ้าเสียหายน้อยกว่า
  • ระยะเวลาการซักผ้า เครื่องซักผ้าฝาบนใช้เวลาซักน้อยกว่าเพราะมีการเติมน้ำเพียงครั้งเดียวระหว่างรอซัก ในขณะที่เครื่องซักผ้าฝาหน้าจะใช้เวลาการซักนานกว่า เพราะมีการเทน้ำออกและเติมระหว่างรอซักบ่อยกว่า
  • ความเร็วในการปั่นผ้า โดยทั่วไปเครื่องซักผ้าฝาหน้าจะให้แรงปั่นสูงถึง 1,400 รอบต่อนาที ซึ่งมากกว่าเครื่องซักผ้าฝาบนที่ให้แรงปั่นเฉลี่ย 850 รอบต่อนาที ทำให้ผ้าที่ปั่นหมาดด้วยเครื่องซักผ้าฝาหน้าแห้งได้ดีกว่า
  • วิธีใช้เครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบน เครื่องซักผ้าทั้ง 2 ชนิดมักจะมีโปรแกรมการซักที่ใกล้เคียงกัน สามารถเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องซักผ้าร่วมกันได้ ทั้งการแยกเสื้อผ้า ปริมาณการใช้ผงซักฟอก และโปรแกรมการซัก


วิธีใช้เครื่องซักผ้าฉบับมือใหม่

ทำความรู้จักกับเครื่องซักผ้าแต่ละประเภทกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องซักผ้า โดยโกลบอลเฮ้าส์ได้สรุปเอาไว้ทั้งหมด 6 ประเด็นหลังจากคู่มือเครื่องซักผ้าดังต่อไปนี้


1. แยกเสื้อผ้าให้ถูกวิธี

วิธีใช้เครื่องซักผ้าเริ่มแรกนั้น ควรเริ่มจากการเช็กและนำสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ หรือกางเกงออกให้หมด พร้อมรูดซิปเสื้อผ้าเก็บให้เรียบร้อย จากนั้นให้ทำการแยกเสื้อผ้าออก โดยที่เริ่มจากแยกประเภทของผ้าที่เป็นชนิดเดียวกันก่อน อย่างผ้าลินินก็ควรซักแยกกับผ้าฝ้าย เพราะผ้าลินินจะยับง่ายไม่สามารถปั่นแรงๆ ได้ หรือแยกชุดที่เป็นสีเดียวกัน เช่น ชุดสีขาว ไม่ควรซักรวมกับเสื้อผ้าหลากสี เพื่อป้องกันการสีตกใส่เสื้อสีขาว และสุดท้ายเป็นการแยกผ้าที่มีคราบสิ่งสกปรกที่เป็นจุดด่างๆ ไปขัดหรือแช่น้ำยาซักต่างหากก่อน เพราะถ้าหากนำผ้าลงเครื่องไปซักเลย ชุดอาจจะยังมีรอยของคราบหลงเหลือติดอยู่เป็นดวงๆ ได้


2. ควรใส่เสื้อผ้าในปริมาณที่พอเหมาะ


มีใครที่มีพฤติกรรมแบบนี้บ้าง ไม่มีเวลาซักเสื้อผ้ารอวันที่ว่าง หรือว่าเสื้อผ้าจะหมดตู้แล้วถึงค่อยมาซักผ้าหรือไม่ จะซักเสื้อผ้าทีก็อัดผ้าในปริมาณเยอะๆ หรือที่มีอยู่ทั้งหมดลงไปในถังซัก เราไม่แนะนำให้คุณใส่เสื้อผ้าที่มีทั้งหมดเข้าเครื่องซักให้เต็มแบบแน่นๆ อย่างนั้น เพราะถ้าคุณใส่ผ้าในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เครื่องซักผ้าไม่สามารถทำความสะอาดเสื้อผ้าของคุณได้ดีเท่าที่ควร อาจมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ติดอยู่ที่เสื้อผ้า แถมยังทำให้การทำงานของเครื่องซักผ้าเสียสมดุล และเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทางที่ดีก่อนที่คุณจะซักผ้า ควรอ่านคำแนะนำวิธีใส่ผ้าเข้าเครื่องในปริมาณที่เหมาะกับความจุของถัง โดยความจุจะมีตั้งแต่ 5 ถึง 20 กิโลกรัมขึ้นไป แต่ถ้าใครไม่รู้ว่าควรจะใส่ผ้าในปริมาณไหนตามความจุของถัง วิธีที่ง่ายที่สุดคือพยายามไม่ให้ใส่ผ้าเกินครึ่งถัง หรือ 3/4 ของถัง เพื่อเวลาซักผ้าแต่ละครั้ง ผ้าก็จะได้ไม่แน่นมากจนเกินไป เมื่อมีพื้นที่ในเครื่องมากขึ้น ก็จะทำให้ซักเสื้อผ้าได้สะอาดหมดจด และไม่ต้องกังวลว่าเครื่องซักผ้าจะพังไวอีกด้วย


3. ควรใส่น้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอกในปริมาณที่พอดี


ใครที่กลัวว่าเสื้อผ้าจะไม่สะอาด และไม่หอม เลยใส่ผงซักฟอกลงเครื่องไปเลยให้เต็มที่ ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ซักล้างน้ำเปล่าออกสะอาดแล้ว บอกเลยว่าไม่จริง เพราะถ้าใส่ผงซักฟอกเยอะ ก็จะยิ่งทำให้มีฟองมากโดยฟองจะเป็นตัวที่จับฝุ่น ถ้าล้างผ้าไม่สะอาดฟองยังติดเกาะเสื้อผ้าอยู่ ชุดก็จะดูหมองได้ และผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้า บางยี่ห้ออาจจะมีฤทธิ์ในการกำจัดคราบสิ่งสกปรกสูง สามารถที่จะกัดเนื้อผ้าของชุดที่สวยงามของคุณให้เสียหายได้เหมือนกัน บางคนอาจไม่รู้ว่าสารเคมีในผงซักฟอกเป็นตัวเพาะเชื้อชั้นดีของเชื้อราสีดำที่อาศัยอยู่ในท่อของเครื่องซักผ้า ซึ่งอาจทำให้เสื้อผ้าเกิดกลิ่นอับ เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับคุณได้ และที่สำคัญถ้าใส่น้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอกมากเกินไปยังทำให้เครื่องซักผ้าเสื่อมไว และพังก่อนเวลา แถมยังทำให้ที่ตัวถังซักเต็มไปด้วยผงซักฟอกกับคราบที่ล้างออกไม่หมด ทางที่ดีคุณควรรู้วิธีใช้ และใส่ปริมาณที่ผงซักฟอกยี่ห้อนั้นๆ แนะนำ ซึ่งมักจะมีข้อความระบุอยู่ที่ข้างซองหรือขวดของน้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอก ที่เหมาะสมกับปริมาณผ้าที่ต้องการซัก ช่วยให้เสื้อผ้าสะอาด หอม และยังถนอมการใช้งานเครื่องซักผ้าอีกด้วย


4. เลือกโปรแกรมให้เหมาะกับการใช้งาน


การเลือกโปรแกรม หรือโหมดการซักของเครื่องซักผ้าอัตโนมัติที่ใช้จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และรุ่นของเครื่องซักผ้า ในตอนนี้เองใครหลายๆ คนก็คงจะเห็นว่าเครื่องซักผ้าทำไมมีหลายปุ่ม หรือหลายโหมด ถ้าแยกให้เข้าใจง่ายๆ จะมีโปรแกรมซักหลักที่จะใช้กันทั่วไป และโปรแกรมซักเสริม โดยตัวเสริมนี่เองที่แต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกัน จึงขอมาอธิบายเกี่ยวกับการเลือกใช้โปรแกรมซักหลัก หรือโปรแกรมพื้นฐานที่ถูกต้อง ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เสื้อผ้า และเครื่องซักผ้าของคุณเสียหาย


การซัก

  • ซักแบบปกติ (Normal, Mix, Fuzzy, Daily Wash) ชื่อเรียกในภาษาอังกฤษจะหลากหลาย เพราะจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อเครื่องซักผ้า ซึ่งเป็นการซักแบบปกติ ธรรมดาทั่วไป ใช้ได้กับผ้าทุกชนิด เป็นชุดที่ใส่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ที่ไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
  • ซักแบบถนอม (Delicate) จะมีจังหวะของการแช่ผ้าที่นานกว่า ความเร็วรอบของการหมุนผ้าช้ากว่าโหมดปกติ และยังมีการปั่นแห้งในความเร็วรอบที่ต่ำ เพราะเป็นการซักที่เหมาะกับเสื้อผ้าที่ต้องการถนอม หรือผ้าที่มีโอกาสฉีกขาดได้ง่าย ยับง่าย หรือไม่อยากให้รูปทรงเสีย เช่น ผ้าม่าน, ผ้าลินิน, กระเป๋าผ้า ฯลฯ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผ้าขาด หรือเสียรูปทรง
  • ซักแบบด่วน (Quick wash) ใครที่กำลังรีบเร่ง โหมดนี้เหมาะมาก เพราะเป็นข้อดีของการซักที่ต้องการเร่งให้ผ้าเสร็จเร็วเพื่อประหยัดเวลา ตอนที่เครื่องทำการซักนั้นจะมีการแช่ผ้าที่น้อยลง และมีการปั่นผ้าตอนซักที่ถี่ขึ้น อาจเป็นการซักที่รุนแรงไม่เหมาะกับผ้าที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษ ทำให้ต้องใช้น้ำยามากขึ้น และผ้าที่จะนำไปซักในโหมดนี้ไม่ควรเป็นผ้าที่สกปรกมาก ไม่อย่างนั้นผ้าอาจจะไม่สะอาดเท่าที่ควร


การปั่นแห้ง

  • ปั่นแห้ง (Spin) หลังจากทำความสะอาดแบบซักด้วยมือ การซักด้วยน้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอกแล้วต่อด้วยล้างน้ำเปล่าให้สะอาดเสร็จ ต่อไปจะเป็นโหมดการปั่นแห้งให้เสื้อผ้าหมาดๆ ช่วยเอาน้ำออกจากผ้ามากขึ้น ลดแรงมือในการบิดผ้า
  • ล้างและปั่นแห้ง (Rinse & spin) เวลาที่ซักผ้าด้วยมือ หรือว่าแยกผ้าที่มีคราบสิ่งสกปรกไปซัก - ล้าง แล้วในตอนที่จะเอาผ้าไปตาก จะต้องใช้แรงในการบิดผ้าเองด้วยมือ แต่คุณสามารถใช้โหมดนี้หลังจากที่ซักขจัดคราบได้ต่อทันที โหมดนี้ใช้สำหรับผ้าที่ต้องการล้างเท่านั้น หรือเติมน้ำยาปรับผ้านุ่มที่เติมระหว่างการล้างผ้า และปั่นแห้งให้ผ้ามีกลิ่นหอม และยังเป็นการช่วยให้เบาแรง ไม่ต้องเหนื่อยเพิ่ม แถมผ้าก็ยังแห้งได้เร็วขึ้นอีกด้วย


5. เช็กให้ชัวร์ว่าเครื่องซักผ้าจะทำงาน


ขั้นตอนสุดท้ายของวิธีใช้เครื่องซักผ้าเป็นอีกเรื่องที่สำคัญเลยเช่นกัน คือ เวลาที่เปิดเครื่องซักผ้า ใส่น้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอก และน้ำยาปรับผ้านุ่มให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็เลือกโปรแกรม หรือโหมดการซักให้ตรงกับผ้าที่ต้องการเอาไปซัก แต่กลายเป็นว่าเครื่องยังไม่ได้สั่งซักเลย เพราะไม่ได้เช็กให้ดีก่อนว่ากดปุ่มให้เริ่มทำการซัก หรือทำการปิดฝาเครื่องซักผ้าให้สนิทหรือยัง แต่ในเครื่องซักผ้าบางรุ่นจะส่งเสียงเตือน หากปิดฝาไม่สนิท เครื่องก็จะไม่ทำงานอันเป็นระบบความปลอดภัยของเครื่อง ถ้ายิ่งเป็นการปั่นผ้าให้แห้ง แล้วระบบความปลอดภัยไม่ทำงาน ยิ่งค่อนข้างอันตราย เพราะขณะปั่นแห้งรอบที่หมุนเหวี่ยงจะสะบัดน้ำออกด้วยความเร็วสูง หากไม่มีการตัดการทำงานนี้ในขณะที่ฝาเครื่องซักผ้าเปิดหรือปิดไม่สนิท สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่อาจคาดคิดขึ้นได้


เทคนิคยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้า

1. ไม่ควรซักผ้าติดต่อกันเกินกว่า 2 ครั้งต่อวัน เป็นการป้องกันไม่ให้เครื่องซักผ้าทำงานหนักจนเกินไป แต่ถ้าจำเป็นจะต้องใช้งานเครื่องซักผ้าเกินกว่า 2 ครั้งต่อวัน ควรเว้นระยะเวลาให้เครื่องซักผ้าได้หยุดพัก ให้มอเตอร์ได้พักการทำงาน ก่อนการใช้งานในรอบถัดไป

2. เปิดประตูเครื่องซักผ้าทิ้งไว้หลังจากการซักทุกครั้ง เพื่อให้อากาศสามารถไหลเวียนเข้าไปในถังซักได้สะดวก แถมช่วยระบายความชื้น และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกไป ที่สำคัญช่วยป้องกันการก่อตัวของเชื้อราที่อาจติดไปกับเสื้อผ้า และอาจทำให้เกิดโรคผิวหนังได้

3. ทำความสะอาดช่องใส่ผงซักฟอก และน้ำยาปรับผ้านุ่มด้วยน้ำอุ่น ใครที่กำลังเจอปัญหาคราบผงซักฟอก และน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ละลายไม่หมดตกค้างอยู่ ถ้าปล่อยไว้นานผงซักฟอกจะรวมตัวกลายเป็นคราบบนเสื้อผ้าและเกิดเป็นเชื้อราได้ จึงควรทำความสะอาดให้หมดจดด้วยการล้างน้ำอุ่น ก่อนการซักในครั้งต่อไป

4. ทำความสะอาดตัวกรองอย่างสม่ำเสมอ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำออกจากตัวเครื่องได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ตัวกรองระบายน้ำทิ้งไม่เกิดการอุดตันอย่าง เส้นผม ใบเสร็จ เศษกระดาษ หรือเหรียญที่อาจลืมเอาออกจากกระเป๋าเสื้อ

5. ควรล้าง หรือทำความสะอาดถังซักทุก 1-2 เดือน เพื่อกำจัดเชื้อโรค คราบผงซักฟอก คราบน้ำยาปรับผ้านุ่ม และสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาคราบติดอยู่ตามเสื้อผ้าหลังการซักได้


ใครหลายๆ คนก็คงจะมีวิธีในการซักผ้ายังไง เพื่อที่จะได้ถนอมผ้า แต่ก็อาจจะยังไม่รู้ว่าหากใช้เครื่องซักผ้าไม่ถูกวิธี ก็อาจจะทำให้เสื้อผ้าไม่สะอาด ชุดสวยงามเสียรูป ต้องใช้เวลานานกว่าจะรีดให้คืนรูป เพียงเพราะไม่รู้วิธีการใช้เครื่องซักผ้าที่ถูกต้อง โดยควรจะเริ่มจากการแยกผ้าก่อน แล้วนำผ้าไปซักในจำนวนที่ไม่แน่นจนเกินไป ใส่น้ำยาซักผ้าในปริมาณที่พอเหมาะ เลือกโปรแกรมหรือโหมดการใช้งานให้ตรงกับประเภทของเสื้อผ้าที่จะซัก เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เสื้อผ้าของคุณสะอาด สดใส ไม่หมอง และไม่มีกลิ่นอับ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณ แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้าอีกด้วย


หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องซักผ้า โกลบอลเฮ้าส์ ช่วยคุณได้

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วรู้ว่ามี วิธีใช้เครื่องซักผ้า ยังไงให้เหมาะกับการใช้งาน ก็จะทำให้การซักผ้าสะอาดมากขึ้น แถมยังเป็นการเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องอีกด้วย ดังนั้นก็อย่าลืมคำนึงถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างเลย คือ เครื่องซักผ้า รุ่นไหนที่คุณอยากได้ แต่ไม่รู้ว่าโปรแกรมเสริมจะตอบโจทย์การใช้งานกับคุณหรือไม่ หากคุณเกิดข้อสงสัยในส่วนนี้ สามารถไปดูสินค้าจริงได้เลยที่ Global House ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยมีพนักงานที่พร้อมให้บริการตอบคำถาม หรือจะช้อปออนไลน์ก็ง่าย สบายกระเป๋า ผ่อนก็คุ้มกับโกลบอลเฮ้าส์ ที่ให้ สิทธิพิเศษในการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด) นอกจากเครื่องซักผ้าแล้ว ทาง Global house เอง ยังให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านที่ดีด้วย A Better Choice for A Better Home


เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global house ได้หลากหลายช่องทางที่

Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์

Line@: @globalhouse

TikTok: globalhouseofficial

App Click&Collect


บริการช่างดี

App ช่างดี

Web ช่างดี บริการติดตั้ง

Facebook: ChangDeeService

Line Official: @Changdee




เนื้อหาที่คล้ายกัน