img


Checklist วิธีเลือกโซฟา อย่างไรให้ลงตัว!!

หากพูดถึง โซฟา ใครหลายๆ คนคงรู้อยู่แล้วว่า โซฟาถือเป็นเฟอร์นิเจอร์หลัก ที่เมื่อยกมาจัดวางในมุมใดมุมหนึ่ง หรือไว้ในห้องใดห้องหนึ่งของบ้าน ก็จะทำให้มุมนั้นกลายเป็นมุมน่านั่ง น่าพักผ่อน หรือจะใช้ทำประโยชน์อื่นอย่าง เช่น นั่งสังสรรค์ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ หรือแม้กระทั่งไว้งีบหลับ แต่กว่าจะถึงโมเมนต์ที่แสนสบายเหล่านั้น บางคนยังต้องพบเจอกับปัญหา ซื้อโซฟามาแล้วแต่กลับทำให้ห้องดูแคบ จะเดินไปทางไหนก็ไม่สะดวก หรือบางคนยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใช้โซฟาสไตล์ไหนดี แล้ววัสดุหุ้มโซฟาแบบไหนจะเหมาะสม ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มยังไง ใช้เวลาค้นหาข้อมูลช่วยในการตัดสินใจก็ผ่านไปหลายวันกว่าจะเจอโซฟาที่ใช่ ในวันนี้ โกลบอลเฮ้าส์ จะมาแนะนำ วิธีเลือกโซฟา ให้เหมาะสมกับห้องและตัวคุณ พร้อมกับข้อมูลที่สำคัญรวมอยู่ที่นี่แล้ว!!


วิธีเลือกโซฟา


วัดขนาดพื้นที่จัดวางโซฟา


การเลือกวัดขนาดพื้นที่จัดวางโซฟา เป็นสิ่งแรกที่ควรคำนึงถึง เพราะหากคุณไปเลือกซื้อโซฟา แต่ไม่ได้วัดขนาดพื้นที่ไปด้วย ก็จะทำให้คุณไม่แน่ใจว่าจะวางได้พอดีกับจุดที่ต้องการหรือไม่ เมื่อเกิดความไม่มั่นใจ สำหรับบางคนก็อาจจะใช้การคาดคะเนแต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับมีปัญหา ไม่สามารถนำโซฟาไปวางไว้ในห้องที่ต้องการได้ โกลบอลเฮ้าส์ขอแนะนำว่า ก่อนที่จะเลือกซื้อโซฟาทุกครั้ง ให้วัดพื้นที่ก่อน ทั้งความยาว ความลึก และความสูง เมื่อไปถึงหน้าร้านจะได้ตัดสินใจเลือกโซฟาที่เข้ากับห้องของคุณได้ง่ายขึ้น และก็อย่าลืมวัดขนาดของประตู หรือทางเดินที่ต้องขนย้ายโซฟาผ่านด้วย เผื่อทางที่เข้า - ออกมีขนาดที่จำกัด เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถขนย้ายโซฟาผ่าน เพื่อไปยังตำแหน่งที่คุณต้องการวางโซฟาได้


วิธีวัดขนาดตำแหน่งที่จัดวางโซฟา

  • วัดขนาดตำแหน่งพื้นที่ที่คุณต้องการวางโซฟา คือ กว้าง x ยาว x ลึก และทแยง หรือลองวัดความสูงที่คุณอยากได้ จะทำให้คุณรู้ว่าควรเลือกซื้อโซฟาขนาดเท่าไร ถ้าหากโซฟาคุณอยู่ใกล้ประตู ควรเว้นห่างประมาณ 1 – 1.5 เมตร
  • สำหรับใครที่วัดพื้นที่แล้ว แต่รู้สึกว่ายังเห็นภาพไม่ชัดเจน และต้องการเห็นภาพรวมของห้องด้วยว่า หากวางโซฟาตรงนี้แล้ว จะเหมาะสมกับห้องหรือไม่ กินพื้นที่ทำให้ห้องดูแคบ หรือแออัดจนเกินไปหรือไม่ คุณสามารถนำกระดาษหนังสือพิมพ์ หรือโบรชัวร์ที่เหลือใช้แล้ว มาวางที่ตำแหน่งที่วัดเอาไว้ จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมภายในห้องมากขึ้น และอย่าลืมเว้นระยะห่างให้พื้นที่ทางเดิน ประมาณ 1.5 - 2 เมตร
  • สุดท้ายนี้สำคัญมาก คือ ไม่ควรลืมวัดขนาดทางเดินที่จะเคลื่อนย้ายโซฟาเข้ามา เช่น ประตู บันได ทางเดินระหว่างขึ้นอาคาร หรือทางเดินในบ้าน เพราะหากวัดเพียงตำแหน่งที่ต้องการวางโซฟา แต่ลืมวัดขนาดทางเดินที่ต้องนำโซฟาผ่าน เพื่อไปยังตำแหน่งที่ต้องการแล้ว การขนย้ายโซฟาไปยังตำแหน่งนั้นอาจกลายเป็นเพียงความฝัน


เลือกประเภทโซฟาให้เหมาะกับจำนวนคนที่นั่ง


หลังจากที่รู้ขนาดตำแหน่งที่ต้องการจะวางโซฟา และขนาดทางเดินที่จะใช้เคลื่อนย้ายโซฟาเข้ามาแล้ว คุณอาจคิดว่าคุณพร้อมที่จะไปซื้อโซฟาแล้วจริงๆ แต่ช้าก่อน เพราะขั้นตอนต่อมาคุณต้องมองหาประเภทของโซฟาที่ต้องการ โดยโซฟาที่ดีควรมีขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน คือ มีจำนวนที่นั่งที่พอดีกับคน และมีขนาดที่เข้ากันกับพื้นที่ในห้อง มาดูกันดีกว่าว่าประเภทของโซฟาทั้ง 5 ประเภทได้แก่อะไรบ้าง

  1. โซฟา (Sofa) หรือที่เรียกว่าเก้าอี้นั่งสบาย คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกๆ บ้านคงต้องมีทั้งในห้องรับแขก และในห้องนั่งเล่น โซฟาจะมีลักษณะเป็นเก้าอี้ที่มีพนักพิงและเท้าแขนยาว โดยทั่วไปจะมีตั้งแต่ 2 ที่นั่งขึ้นไป มีทั้งรูปทรงกลม และเหลี่ยมหรือรูปทรงอื่นๆ แล้วแต่นักออกแบบ โดยสำหรับ 2 ที่นั่งจะเหมาะกับคู่รัก ครอบครัวขนาดเล็ก หรือคนที่ไม่ค่อยมีแขกมาเยี่ยมบ้าน ส่วน 3 ที่นั่งจะนั่งได้สบายขึ้น รองรับคนได้มากขึ้น ขนาดกว้างขวางกำลังดี อีกทั้งยังสามารถนอนเล่นได้ จึงได้รับความนิยมมากที่สุด แต่จะเหมาะกับห้องที่มีพื้นที่มากพอสมควร ซึ่งการเลือกจำนวนที่นั่งก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ในห้อง
  2. โซฟาเดย์เบด (Sofa day bed) เป็นโซฟาที่สามารถนั่งก็ได้ หรือจะนอนยาวๆ ก็ดี เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัด แล้วต้องการโซฟาที่มีฟังก์ชันเสริม เพื่อใช้งานอย่างคุ้มค่า แถมยังเหมาะสำหรับคนที่มีเพื่อนมานอนเล่นที่บ้านเป็นประจำด้วย
  3. โซฟาเบ(Sofa bed) เป็นโซฟาที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานแบบมัลติฟังก์ชัน คือ กึ่งนั่งกึ่งนอน เหมาะสำหรับ ห้องนอน และห้องนั่งเล่น โดยตัวโซฟาสามารถปรับระดับพนักพิงได้ ปรับขึ้นเมื่อต้องการใช้เป็นโซฟา และปรับลงไปทางด้านหลังเพื่อใช้เป็นที่นอน หลังจากปรับลงพนักพิงจะระนาบไปกับเบาะนั่งสามารถนอนได้ ซึ่งจะเหมาะกับห้องเล็กๆ ที่ต้องการประหยัดพื้นที่อีกด้วย
  4. อาร์มแชร์ (Armchair) เป็นเก้าอี้ที่มีพนักพิงและเท้าแขนได้ นั่งได้สบาย มี 1 ที่นั่ง เหมาะแก่การใช้งานทั้งห้องรับแขก และห้องนั่งเล่น แต่ขึ้นอยู่กับดีไซน์ของโซฟา ว่าต้องการดีไซน์ที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ
  5. สตูล (Stool) คือเก้าอี้ที่ไม่มีพนักพิงและเท้าแขน ส่วนใหญ่ใช้สำหรับห้องนั่งเล่น และมุมพักผ่อน มีทั้งรูปทรงกลม ทรงเหลี่ยม หรือรูปอิสระต่างๆ ได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับดีไซน์ที่นักออกแบบทำออกมา


วิธีการเลือกประเภทของโซฟา

  • อย่างแรกให้ดูสัดส่วนพื้นที่ของห้อง ว่าตอนนี้ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์อะไรอยู่บ้าง แล้วสัดส่วนของเฟอร์นิเจอร์แต่ละตัวในห้อง มีขนาดเล็ก - ใหญ่มากแค่ไหน หลังจากนั้นมาดูตำแหน่งที่ได้วัดขนาดเอาไว้แล้ว อาจพอช่วยให้เห็นภาพว่าโซฟาประเภทใดที่เมื่อนำมาวางแล้วเหมาะกับห้อง
  • เมื่อเห็นภาพสัดส่วน หรือภาพรวมของห้องแล้ว จะเลือกโซฟาขนาดไหนและประเภทใด ก็ต้องดูที่การใช้งานด้วย (ซึ่งต้องพิจารณาไปพร้อมๆ กับเรื่องขนาด) ว่าคุณต้องการโซฟาสำหรับกี่คนนั่ง และปกติคุณชอบนอนพักบนโซฟาไหม แล้วโซฟารูปทรงใดตอบโจทย์คุณมากที่สุด


เลือกสไตล์โซฟาให้เหมาะกับห้อง


นอกจากขนาดและประเภทแล้ว การเลือกสไตล์โซฟาให้เหมาะกับห้องก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากห้องเป็นสไตล์มินิมอลดูสว่างๆ สบายตา แต่โซฟากลับเป็นแนวอินดัสเทรียลที่วัสดุโซฟาเป็นโครงเหล็ก หรือท่อ หุ้มเบาะด้วยหนัง ก็คงจะดูแปลกตาอย่างบอกไม่ถูก ดังนั้นควรเลือกโซฟาในสไตล์ที่ชื่นชอบ และสวยเหมาะกับห้อง มาดูกันดีกว่าว่าโซฟามีสไตล์ไหนกันบ้าง แล้วแต่ละสไตล์จะมีลักษณะ และจุดเด่นแตกต่างกันยังไง


  • เรียบง่าย สดใส กับสไตล์สแกนดิเนเวีย (Scandinavian sofa) โซฟาสไตล์นี้มีการออกแบบที่เรียบๆ แข็งแรง และสวยงามลงตัวพอดี ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เพราะโซฟาสไตล์สแกนดิเนเวียมีดีไซน์เรียบง่ายในโทนสีที่สดใส สว่าง บวกกับสีวัสดุธรรมชาติอย่างขาไม้ ใครๆก็สามารถเลือกโซฟาสไตล์นี้แต่งห้องได้ แนะนำให้เลือกเป็นโซฟาผ้า เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย สบายตา มากกว่าโซฟาหนัง
  • เข้มเท่ ทุกมุม กับสไตล์อินดัสเทรียล (Industrial sofa) โซฟาสไตล์นี้มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ มีความดิบเท่ เพราะโซฟาสไตล์นี้เน้นโชว์ผิวของวัสดุทำจากไม้ และโลหะ เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นวินเทจ กับลอฟท์ ซึ่งโซฟาสไตล์นี้มักเป็นโซฟาหนัง เพื่อความคลาสสิค และจะดูมีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้นด้วยลายของหนังที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป
  • หรูหรา เรียบง่าย กับสไตล์โมเดิร์น (Modern Sofa) โซฟาสไตล์นี้มีการออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหรา วัสดุที่หุ้มโซฟามีทั้งแบบผ้า และหนัง โทนสีของโซฟาจะเน้น ขาว ดำ เทา แนะนำให้เลือกสีที่เป็นกลางเอาไว้ โซฟาสไตล์นี้ไม่ได้มีข้อดีแค่ความสวยงามของดีไซน์ที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถใช้ได้จริง จะนั่งท่าไหนก็สะดวกสบาย


วิธีเลือกสไตล์โซฟา

  • ควรแบ่งอัตราส่วนของสีภายในห้อง คือ มีกฎการตกแต่งห้องด้วยสีง่ายๆ เป็นกฎ 60-30-10 นั่นคือ สัดส่วน 60% เป็นสีหลัก โดยเป็นโทนสีอ่อน ต่อมา 30% คือ สีรอง เป็นโทนสีกลางๆ ซึ่งโซฟาจัดอยู่ในส่วนนี้ และ 10% คือ สีไฮไลท์ จะเป็นโทนสีเข้ม หรือโทนสีที่ตัดกับสีอื่นภายในห้อง จะช่วยเพิ่มให้ห้องมีความสะดุดตา น่าพักผ่อน และใช้เวลาอันแสนสุขอยู่ในห้องได้นานขึ้น
  • หากคุณอยากเลือกโซฟาผ้าที่มีลวดลาย หรือแพทเทิร์น โกลบอลเฮ้าส์ขอแนะนำว่าในห้องไม่ควรมีลวดลายหรือแพทเทิร์นเกิน 3 ลาย เพราะถ้ามีลายมากเกินไป จะทำให้ห้องดูรก สับสน เห็นแล้วไม่สบายตา ไม่ผ่อนคลาย หากยิ่งผนังห้องเป็นลวดลายแล้ว อาจต้องหลีกเลี่ยงโซฟาที่มีลวดลาย แต่หากต้องการให้โซฟาดูโดดเด่นก็สามารถหาหมอนลายที่สะดุดตา มีสีสัน มาแต่งเติมได้


เลือกวัสดุหุ้มโซฟาที่ใช่คุณ


ในส่วนสุดท้ายนี้จะเป็นการเลือกวัสดุหุ้มโซฟาที่ใช่สำหรับคุณ โดยวัสดุที่หุ้มโซฟาจะมีด้วยกัน 2 ประเภทหลักๆ คือ โซฟาหนัง และโซฟาผ้า ทั้งสองประเภทนี้จะมีลักษณะ และเนื้อสัมผัสที่ให้ความรู้สึกต่างกันออกไป ซึ่งสื่อถึงความรู้สึกบรรยากาศภายในห้องว่าอบอุ่น สบาย เป็นกันเอง น่าพักผ่อนหรือไม่ วัสดุหุ้มโซฟาที่คุณจะเลือก ไม่ใช่เพียงแค่มองถึงดีไซน์ที่ดูดีเหมาะกับห้องของคุณ แต่ต้องตอบโจทย์การใช้งานด้วย มาดูกันดีกว่าว่าคุณจะเหมาะกับโซฟาแบบไหน


  • โซฟาหนัง จะถูกแบ่งออกเป็นโซฟาหนังแท้ และหนังเทียม โดยผิวของโซฟาหนังแท้ ให้สัมผัสที่นิ่มสบาย ยิ่งเก่าก็จะยิ่งนิ่ม ทนทาน ระบายอากาศได้ดี ส่วนผิวของโซฟาหนังเทียม จะทำจาก PVC และ PU สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ข้อดีคือ สามารถเลือกลวดลาย และสีสันได้มากกว่าโซฟาหนังแท้ เพราะหนังแท้มีแค่สีฟอก ไม่ฟอก สำหรับโซฟาหนังสามารถเกิดรอยได้ง่าย ทำให้ต้องระวังเรื่องการขีดข่วน แต่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ โซฟาหนังจะไม่เก็บขน ผม และฝุ่น
  • โซฟาผ้า จะถูกแบ่งออกเป็นใยธรรมชาติ และ ใยสังเคราะห์ เป็นโซฟาที่ใช้ได้ตลอดกาล เพราะเข้าได้กับทุกสไตล์ ระบายความร้อนได้ดี ทนทาน คงตัวไม่ยับง่าย มีสีสัน และลวดลายให้เลือกมากกว่าโซฟาหนัง ด้วยความเป็นผ้าจะทำให้กักเก็บฝุ่น แต่โซฟาผ้าจะมีแบบที่สามารถถอดออกมาซักได้ และไม่ได้ หากจะอธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆ สำหรับแบบที่สามารถถอดออกมาซักได้จะให้ความรู้สึกเหมือนกับ ผ้าคลุมโซฟา เวลาทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรกบนโซฟา หรือว่าฝุ่นที่อาจจะหมักหมมอยู่ในผ้า ก็สามารถถอดออกมาทำงานสะอาดได้ง่าย สะดวกสบาย


วิธีเลือกวัสดุหุ้มโซฟา

  • สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึง คือ สุขลักษณะ สำหรับใครที่มีอาการภูมิแพ้ และมีสัตว์เลี้ยงที่มีขน ควรหลีกเลี่ยงโซฟาผ้า เพราะโซฟาผ้านั้นจะกักเก็บฝุ่น ขนสัตว์ติดที่ผ้าได้ง่าย แต่หากต้องการโซฟาผ้าจริงๆ แนะนำให้เลือกเนื้อผ้าคุณภาพดี ผ้าลื่นละเอียด ทำให้ฝุ่นและขนไม่ติด
  • เลือกซื้อโซฟาทั้งที ต้องรู้วิธีทำความสะอาดโซฟา ตามวัสดุนั้นๆ ด้วยอย่าง โซฟาหนัง วิธีทำความสะอาดเบื้องต้น คือ ดูดฝุ่นตามซอกมุม จากนั้นนำผ้าชุบน้ำสะอาดมาเช็ดคราบสกปรกได้ ส่วนโซฟาผ้า ควรดูดฝุ่นเก็บเศษต่างๆ ตามซอกมุมเช่นกัน หากมีคราบสิ่งสกปรกให้ใช้ น้ำยาขจัดคราบสกปรก สำหรับเฟอร์นิเจอร์บุผ้า เช็ดทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรกออก หากโซฟาสามารถถอดแยกชิ้นส่วนได้ให้นำไปซักทำความสะอาด
  • สำรวจอุณหภูมิและความชื้นภายในห้องที่จัดวางโซฟา เพราะถ้าเป็นโซฟาหนัง จะค่อนข้างไวกับอุณหภูมิ คือ เมื่ออากาศร้อนหนังก็จะร้อนตาม เมื่ออากาศเย็น หนังก็จะเย็นตาม และโซฟาหนังจะระบายอากาศได้ไม่ดีเท่ากับโซฟาผ้า เพราะโซฟาผ้าระบายอากาศได้ดีกว่า ไม่กักเก็บความร้อน ทำให้ผู้ที่นั่งไม่ร้อน ไม่เหนียวตัว


การที่จะเลือกซื้อโซฟาสักตัว หลังจากที่ได้เตรียมตัวด้วยการวัดขนาดพื้นที่ในห้อง รู้จักประเภทของโซฟา ทำให้สามารถเลือกได้แล้วว่าสไตล์ของโซฟา และวัสดุที่หุ้มโซฟาแบบไหนจะเหมาะกับตัวคุณมากที่สุด ทำให้คุณไม่ต้องเจอกับปัญหาที่เมื่อซื้อโซฟามาแล้วขนย้ายเข้าห้องไม่ได้ หรือถึงจะย้ายเข้ามาห้องได้พอจัดวางโซฟากลับทำให้ห้องดูแคบ หรือสามารถวางโซฟาในตำแหน่งที่ต้องการได้พอดี แต่สไตล์สี และลวดลายของโซฟากลับทำให้เห็นภาพโดยรวมของห้องที่ดูขัดแย้งกัน หากรู้วิธีเลือกโซฟา ก็จะสามารถตัดสินใจในการซื้อโซฟาได้อย่างไร้กังวล และไม่เสียเวลาในการตัดสินใจ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้โซฟาที่มาช่วยเติมเต็มความสุขภายในบ้านของคุณได้


หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซฟา โกลบอลเฮ้าส์ ช่วยคุณได้

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วรู้ว่ามี วิธีเลือกโซฟา ยังไง หรือมีขั้นตอนอย่างไรบ้างในการเลือกโซฟาที่ใช่ โซฟาที่ชอบ ดังนั้นอย่าลืมคำนึงถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างเลย คือ โซฟา ที่คุณเลือกให้ความรู้สึก หรือสัมผัสเวลาที่นั่งเป็นอย่างไร หากคุณเกิดข้อสงสัยในส่วนนี้ สามารถไปดูสินค้าจริงได้เลยที่ Global House ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยมีพนักงานที่พร้อมให้บริการตอบคำถาม หรือจะช้อปออนไลน์ก็ง่าย สบายกระเป๋า ผ่อนก็คุ้มกับโกลบอลเฮ้าส์ ที่ให้ สิทธิพิเศษในการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด) นอกจากโซฟาแล้ว ทางโกลบอลเฮ้าส์เอง ยังให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านที่ดีด้วย A Better Choice for A Better Home


เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชันใหม่ๆ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าตกแต่งบ้าน สามารถติดตามและสั่งซื้อสินค้า Global house ได้หลากหลายช่องทางที่





เนื้อหาที่คล้ายกัน